โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สวัสดิการสุขภาพของรัฐกับข้อครหาเรื่อง ‘ภาระทางการเงิน’ รักษาผู้ป่วยข้ามชาติ ‘เปลือง’ จริงหรือ

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

อัพเดต 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

จากการถกเถียงกันในกรณีโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ไม่รับผู้ป่วยกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรื่องคลี่คลายหลังจากทางโรงพยาบาลได้ออกมาแถลงว่ายังให้การรักษาตามหลักมนุษยธรรม แต่บทสนทนาของสังคมไม่จบลงที่ตรงนั้น ยังมีการถกเถียงกันต่อเนื่องในประเด็นที่ว่าไม่ควรรับรักษาคนต่างชาติ โดยเฉพาะจากกลุ่มชาตินิยม เพราะเป็นภาระทางงบประมาณของรัฐ โดยเฉพาะต่างชาติที่ถูกแปะป้ายว่า ‘เนรคุณ’ และ ‘เป็นภาระ’ ซึ่งการตอบโต้นั้นก็อยู่บนบทสนาเรื่อง ‘จรรยาบรรณ’

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยังเป็นที่พูดคุยกันต่อคือเรื่อง ‘ภาระทางการเงิน’ เรื่องนี้ถูกจับโยงไปถึงกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ ‘สิทธิบัตรทอง’ ที่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นภาระเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ความคิดเห็นเหล่านี้ถูกหยิบยกมาพูดคุยกันอย่างเป็นวงกว้าง แต่บ่อยครั้งก็มักจะมาพร้อมกับความเข้าใจและข้อมูลที่คาดเคลื่อนไปบ้าง

ไทยรัฐพลัสชวนทำความเข้าใจประเด็นเหล่านี้ไปพร้อมกัน ว่าสวัสดิการด้านสุขภาพ บัตรทอง และการรักษาชาวต่างชาตินั้นเป็นภาระและเปลืองเงินภาษีจริงหรือไม่

ทำความรู้จัก 3 กองทุนสุขภาพ

ก่อนอื่นอยากชวนทำความเข้าใจภาพรวมของระบบสวัสดิการด้านสุขภาพของไทย ที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 กองทุนหลักๆ ซึ่งจะดูแลประชากรในแต่ละกลุ่มโดยมีลักษณะและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน

  • กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง/บัตร 30 บาท): กองทุนนี้ถูกเรียกว่าเป็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ดูแลประชาชนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิ์ในกองทุนอื่นๆ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้จัดสรรงบประมาณในลักษณะเหมาจ่ายรายหัวต่อปี เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย (30 บาท) ครอบคลุมตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ตรวจวินิจฉัย รักษาพยาบาล ฟื้นฟูสภาพ และบริการทางการแพทย์อื่น ๆ นับเป็นเสาหลักที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการพื้นฐาน ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องล้มละลายเพราะค่ารักษาพยาบาล แต่ตัวกองทุนเองก็กำลังเผชิญความเสี่ยงด้านภาระทางการงานจนระบบเสี่ยงจะล่มสลาย

  • กองทุนประกันสังคม: กองทุนนี้ดูแลผู้ประกันตนที่ทำงานในระบบ โดยมีผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาลร่วมกันจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ รวมถึงสิทธิในการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่เลือกไว้ โดยมีเงื่อนไขและขอบเขตการคุ้มครองที่แตกต่างจากบัตรทองและสวัสดิการข้าราชการ ความคุ้มครองมักจะผูกโยงกับการทำงานและการจ่ายเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อจำกัดสำหรับผู้ที่เปลี่ยนงานหรือออกจากระบบกองทุนประกันสังคมมักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ เนื่องจากเป็นกองทุนที่สิทธิการรักษาไม่ครอบคลุมและมีข้อจำกัดมากกว่ากองทุนอื่น ทั้งที่ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน และปัญหาสังคมสูงวัยจะทำให้ภาระรายจ่ายของกองทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

  • สวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ: กองทุนนี้ดูแลข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และบุคคลในครอบครัวที่ขึ้นทะเบียนไว้ โดยรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผ่านระบบเบิกจ่ายตรง ซึ่งถือเป็นสิทธิประโยชน์ที่ค่อนข้างครอบคลุมและมีความยืดหยุ่นในการเลือกสถานพยาบาลมากที่สุด ทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน

ด้วยสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนนี้เอง ทำให้เกิดประเด็นเรื่อง ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ในการเข้าถึงบริการสุขภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย

บัตรทองเป็นภาระงบประมาณ?

ที่ว่ากองทุนบัตรทองเป็นภาระและสุดท้ายแล้วก็ต้องล้มลง ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งพูดกันในวันนี้หรือเมื่อวาน แต่พูดถึงกันตั้งแต่วันแรกที่ตั้งกองทุนจนกระทั่งก้าวเข้าสู่ปีที่ 24 นี้ แน่นอนว่าแม้จะเป็นหนึ่งในนโยบายที่ถูกยอมรับว่าประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายเรื่องงบประมาณอย่างต่อเนื่อง มีข่าวคราวเรื่องโรงพยาบาลขาดทุนมาเสมอ

อย่างไรก็ตาม คำกล่าวที่ว่า ‘ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายเรื่องงบประมาณ’ ไม่ได้หมายความว่าระบบบัตรทองคือภาระ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวถึงข้อเท็จจริงเรื่องการขาดทุนของโรงพยาบาลชุมชน 780 แห่ง ว่ารายรับสำหรับบำรุงโรงพยาบาลนั้นไม่สมดุลกับรายจ่ายเนื่องจากเจอจุดเปลี่ยน 3 ด้าน

  • ประชาชนใช้บริการมากขึ้น

  • เทคโนโลยีก้าวหน้าทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

  • ค่าตอบแทนบุคลากรปรับเพิ่มตามภาระงานและความเสี่ยง

นพ.สุภัทร กล่าวเน้นย้ำว่าปัญหาหลักของระบบบัตรทองไม่ใช่งบประมาณเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการจัดการเชิงระบบด้วย เพราะหากภาครัฐจะช่วยค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายปีละ 7,000 ล้านบาท ก็จะช่วยให้โรงพยาบาลชุมชนอยู่รอดได้ในระยะสั้นเท่านั้น

นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นอีกหนึ่งคนที่สนับสนุนระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาโดยตลอด เห็นว่าการถกเถียงเรื่องภาระค่าใช้จ่าย คำนวณสูตรขาดทุนของโรงพยาบาลไม่จำเป็นเท่ากับการหันมาแก้ปัญหาในระบบ

เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีตัวชี้วัดทางการเงิน พร้อมเกณฑ์การประเมินชัดเจนอยู่แล้ว และยังตั้งข้อสังเกตไว้อีกด้วยว่าการถกเถียงและอภิปรายเชิงเทคนิคเช่นนี้ อาจบดบังเป้าหมายที่แท้จริงของระบบสุขภาพนั่นคือ ‘การมีโรงพยาบาลที่เข้มแข็งเพียงพอรองรับความต้องการด้านสุขภาพของประชาชน’

แล้วคนข้ามชาติเป็นภาระงบประมาณไทยจริงหรือ?

สำหรับแรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ผู้ที่เป็นแรงงานในระบบส่วนใหญ่จะใช้บริการสวัสดิการสุขภาพผ่านระบบประกันสังคม ซึ่งครอบคลุมแรงงานในสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง อีกระบบหนึ่งคือ ‘ประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข’ สำหรับแรงงานที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม โดยจะต้องซื้อบัตรประกันสุขภาพแบบรายปีเพื่อให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐได้ ในราคา 1,600 บาทคุ้มครอง 1 ปี และ 2,400 บาท สำหรับคุ้มครอง 1 ปี 6 เดือน

นอกจากนี้จะมีผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ชาวต่างชาติทั่วไป เช่น นักท่องเที่ยว ผู้เกษียณอายุ ซึ่ง ส่วนมากในกลุ่มนี้จะเลือกซื้อประกันสุขภาพเอกชน รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง

กลุ่มที่ไม่มีระบบประกันสุขภาพรองรับคือกลุ่มแรงงานที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย หรือผู้ที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนที่ชัดเจน ซึ่งกลุ่มนี้เองที่เป็นที่มาของการถูกแปะป้ายว่าเป็นภาระทางการเงินที่โรงพยาบาลรัฐต้องแบกรับ

สำนักข่าวทูเดย์ กล่าวถึงข้อมูลยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขไทยพบว่า 70% ของชาวพม่าซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ารับบริการทางสาธารณสุขมากที่สุดชำระค่ารักษาพยาบาลด้วยตนเอง

อีก 25% ใช้สิทธิประกันสังคม และ 4.58% ใช้สิทธิประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งล้วนเป็นระบบที่มีการจ่ายเงินสมทบ

และยังพบว่า ตัวเลขที่เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลไม่ได้คิดเป็น 0.38% ซึ่งในจำนวนนี้รวมคนทุกสัญชาติไม่ใช่แค่แรงงานสัญชาติพม่า กัมพูชา ลาว หรือเวียดนาม

ช่วงต้นปีที่ผ่านมาสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยข้อมูลการรักษาพยาบาลกลุ่มแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย จากรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวมปี 2567 โดยระบุว่า จากศักยภาพการรักษาของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านชายแดน ทำให้มีคนต่างชาติเข้ามาใช้บริการรักษามากถึง 3.8 ล้านครั้ง ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยค่ารักษาที่เรียกเก็บไม่ได้ในพื้นที่ชายแดนอยู่ที่ประมาณ 92,000 ล้านบาท

ตัวเลขดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับคนไทยหลายคน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่อง กระทั่งภายหลัง สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงว่าเป็นตัวเลขที่ผิดพลาด ตัวเลขจริงของค่ารักษาที่เรียกเก็บไม่ได้จากคนข้ามชาติในพื้นที่ชายแดนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ปีละประมาณ 2,500 ล้านบาทต่อปี ใน 31 จังหวัด เฉลี่ยจังหวัดละ 66.25 ล้านบาท

นพ.สวัสดิ์ชัย นวกิจรังสรรค์วร ผอ.กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า ตัวเลขค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไม่ใช่ภาระที่กระทรวงสาธารณสุขต้องรับผิดชอบทั้งหมดโดยลำพัง ในหลายกรณีมีการสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศหรือเอ็นจีโอนานาชาติเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ นอกจากนี้ โรงพยาบาลบางแห่งยังมีการบริหารจัดการภายใน เช่น การเปิดคลินิกนอกเวลาราชการหรือจัดบริการเฉพาะทาง เพื่อหารายได้มาสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้โดยตรง

กระทรวงสาธารณสุขยังคงมีบทบาทสำคัญในภาพรวม โดยเฉพาะในเรื่องการควบคุมโรคติดต่อ สุขาภิบาล และการระบาดใหญ่ที่ส่งผลต่อสาธารณสุข ซึ่งจำเป็นต้องให้การรักษาตามหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานสากล

ภาระที่แท้จริง

ท้ายที่สุดแล้ว การกล่าวว่าทั้งสิทธิบัตรทองและการรักษาประชากรข้ามชาติเป็นภาระทางการเงินของรัฐนั้น ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเท่าไรนัก เพราะแท้จริงแล้วปัญหาที่โรงพยาบาลต้องแบกรับค่าใช้จ่ายบางส่วนเป็นเรื่องของระบบบริหารจัดการทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัวแก่นของสวัสดิการหรือตัวบุคคลผู้รับบริการเอง

สำหรับสิทธิบัตรทอง แม้จะใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่โดยหลักแล้วคือการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งให้ผลตอบแทนมหาศาลในระยะยาวต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งยังเป็นการตอบสนองต่อภาวะสังคมสูงวัยที่สังคมไทยก้าวล้ำเข้ามาแล้ว

การที่ประชาชนมีสุขภาพดี มีความมั่นคงในชีวิต ย่อมส่งผลให้พวกเขามีศักยภาพในการทำงานและพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มที่ ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เพราะระบบบัตรทอง ‘เปลือง’ แต่เป็นเพราะ การบริหารจัดการงบประมาณที่ยังขาดประสิทธิภาพ ความซับซ้อนของ 3 กองทุนสุขภาพ ที่ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและช่องว่างในการจัดสรร

ในส่วนของการรักษาประชากรข้ามชาติ ข้อมูลตัวเลขที่เสนอไปข้างต้นยิ่งตอกย้ำว่า ความคิดที่ว่าเป็น ‘ภาระ’ นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง

ตัวเลขชี้ชัดว่าคนข้ามชาติส่วนใหญ่มีความรับผิดชอบและมีระบบรองรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของตนเอง ปัญหาที่โรงพยาบาลต้องแบกรับจึงจำกัดอยู่แค่ กลุ่มที่ไม่มีสถานะทางกฎหมายชัดเจน หรือไม่มีประกันสุขภาพรองรับ

ดังนั้น การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนจึงไม่ใช่การตั้งคำถามถึงคุณค่าของระบบสวัสดิการ หรือการปฏิเสธการรักษาตามหลักมนุษยธรรม แต่เป็นการปรับปรุงระบบบริหารจัดการ ทั้งในเรื่องการจัดสรรงบประมาณ การบูรณาการกองทุนสุขภาพ และการให้ความสำคัญแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงาน

อ้างอิง:

บทความต้นฉบับได้ที่ : สวัสดิการสุขภาพของรัฐกับข้อครหาเรื่อง ‘ภาระทางการเงิน’ รักษาผู้ป่วยข้ามชาติ ‘เปลือง’ จริงหรือ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

กระแส ‘แบนเกมและเว็บโป๊’ กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก มาตรการจำกัดการเข้าถึงนี้จะเป็นผลดีหรือผลักให้คนเข้าหา ‘ช่องทางใต้ดิน’

16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทั่วโลกเกิดอะไรขึ้นบ้างสัปดาห์นี้ 28 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2568

02 ส.ค. เวลา 13.49 น.

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

กรมอุตุฯ เปิดรายชื่อพื้นที่สีเหลือง เจอฝนถล่มหนัก

มุมข่าว

6-10 ส.ค.คาด ฝนตกกระจาย – กทม.มีฝนร้อยละ 40

JS100

แพทย์ มช. เปิดตัวหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดระบบใหม่ แห่งแรกในไทยและอาเซียน ยกระดับการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

สยามรัฐ

“มาริษ” เผยอยู่ระหว่างศึกษา ไทยเตรียมฟ้อง “กัมพูชา”

สำนักข่าวไทย Online

วธ.ค้นอัตลักษณ์วัฒนธรรมอันดามัน ดันแบรนด์ไทยสู่เวทีโลก

MATICHON ONLINE

ประชุม GBCไทย-กัมพูชา คืบหน้าทิศทางดี เตรียมนำเข้า สมช.เย็นนี้

The Better

AIMER แบรนด์เรียบเท่ที่เข้าใจผู้หญิงยุคใหม่ เติบโตในตลาดแฟชั่นแบบไม่ต้องหวือหวา

THE STANDARD

หญิงกัมพูชาในไทย เล่าความจริง ใครวิจารณ์รัฐบาลโดนจับ ห่วงครอบครัว

Thaiger

ข่าวและบทความยอดนิยม

สวัสดิการสุขภาพของรัฐกับข้อครหาเรื่อง ‘ภาระทางการเงิน’ รักษาผู้ป่วยข้ามชาติ ‘เปลือง’ จริงหรือ

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

August Alert! เดือนสิงหาฯ กับกิจกรรมที่เราตั้งตารอ!

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

ในความขัดแย้งเราอาจต้องการกองทัพที่มีคุณภาพและความมั่นคง แต่การเพิ่มอาวุธ-กองกำลังไม่ใช่คำตอบเดียว

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส
ดูเพิ่ม
Loading...