เด็กกรุงเทพฯ เครียดพุ่ง 30% รองผู้ว่าฯ ทวิดา ชูระบบสุขภาพจิตใกล้ตัว ป้องกันก่อนรักษา เดินหน้าเชื่อมศูนย์บริการ ขยาย Telemedicine ทั่วกรุงฯ
วันนี้ (5 สิงหาคม) ที่โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ มหานคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นวิทยากรร่วมเสวนาแลกเปลี่ยน หัวข้อ Special Seminar the Keyword: ไขคำสำคัญ สู่ชุมชมสุขภาพจิตดีที่ยั่งยืน โดย ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว (สสส.) ยศพล บุญสม ภูมิสถาปนิก ผู้ก่อตั้ง WE PARK แพลตฟอร์มการพัฒนาพื้นที่สาธารณะสีเขียวผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม และ ยงยุทธ์ สุขพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญการส่งเสริมสุขภาพจิตในชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาพระบาท (รพ.สต.เขาพระบาท) จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมเสวนา
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า ระบบสุขภาพที่ดีที่สุดคือระบบธรรมชาติ ระบบการแพทย์และสาธารณสุขเริ่มจากครอบครัว เพื่อน อาจารย์ ที่โรงเรียน หรือเพื่อนร่วมงาน เป็นระบบที่ใกล้ตัวที่สุด เข้าถึงได้ง่ายที่สุด ซึ่งจากการตรวจสุขภาพคนกรุงเทพฯ พบคนเครียด 11.3% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ และเมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ให้หน่วยนำร่องลงพื้นที่โรงเรียนโดยเฉพาะ พบว่า ในจำนวนนักเรียนที่อายุ 12-18 ปี พบเด็กมีความเครียด 30% จึงต้องขอให้เพื่อน อาจารย์ และครอบครัว มีการขยายส่วนงานตรงนี้เชื่อมต่อกับศูนย์บริการสาธารณสุขเพื่อรองรับการดำเนินงาน
ซึ่งยังเห็นว่าระบบสุขภาพที่เป็นธรรมชาติน่าจะเป็นคำตอบมากกว่า และเมื่อไรที่สามารถเปิด Telemedicine ได้เท่ากันจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อนั้นเราจะสามารถเปิดหน้าต่างของหมอที่ให้บริการประชาชนได้ทั่วประเทศ การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดไม่ใช่การรักษาแต่คือการดูแลสุขภาพให้ดีก่อน
“ในการทำงานต้องออกจากระบบเดิมๆ ต้องดูว่าระบบใหม่ๆ มีการทำงานอย่างไร ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า คนที่สามารถทำงาน Hybrid ในเรื่องสุขภาพจิตจริงๆ จะเป็นคนแบบไหน และอย่าเอาระบบที่อื่นมายัดเยียดให้ทำ เพราะกรุงเทพมหานครมีความแตกต่าง อยากให้เป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน เมื่อไรที่เราฟังมากขึ้นจะได้ยินมากขึ้น จะมีมุมต่างๆ ให้เห็นมากขึ้น สามารถทำงานได้มากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานที่ดี” รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวในตอนท้าย
ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิตจัดโครงการสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การขับเคลื่อนระบบการดูแลสุขภาพจิตประชาชนด้วยพลังเครือข่ายชุมชน/ผ่านกลไกระบบสุขภาพปฐมภูมิ ร่วมสร้างพลังใจ สุขภาพจิตไทยยั่งยืน Better Mental Health Care for all ระหว่างวันที่ 5-6 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมปริ้นซ์พาเลซ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เครือข่ายต่างๆ ได้เข้าร่วมนำเสนอผลการดำเนินงาน/และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการดำเนินงานสุขภาพจิต พร้อมทั้งนำไปต่อยอด ขยายผลให้ครอบคลุมการดูแลประชาชนมากยิ่งขึ้น
โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย เครือข่ายหลายภาคส่วน อาทิ เช่น นายอำเภอ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้บริหารและบุคลากรจากองค์กร สถานประกอบการ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน แกนนำภาคประชาชน ประชาชน รวมถึงเครือข่ายจากหน่วยงานสาธารณสุขทุกระดับในพื้นที่ ตลอดจนบุคลากรจากกรมสุขภาพจิต รวมทั้งสิ้น 600 คน
ภายในงานมีเครือข่ายที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเข้าร่วมนำเสนอผลงานในรูปแบบ Oral presentation และในรูปแบบของโปสเตอร์ รวมทั้งสิ้น 107 แห่ง แบ่งเป็น 8 ประเด็น ได้แก่ 1. พลังชุมชนดูแลสุขภาพจิตและสารเสพติด 2. ทีม 3 หมอดูแลสุขภาพจิตและสารเสพติด 3. ชุมชนสุขภาพจิตดี 4. สถานประกอบการกับการดูแลใจพนักงาน 5. มหาวิทยาลัยกับการดูแลใจนักศึกษา 6. การดูแลจิตใจผู้สูงอายุ 7. จังหวัดกับการขับเคลื่อนงานสุขภาพจิต และ 8. PCU คุณภาพกับการดูแลจิตใจในชุมชน