"พลังประชารัฐ"แนะญาติผู้เสียชีวิตเหตุปะทะชายแดนฟ้อง"ฮุนเซน"
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เผยหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจทหารและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่ามีความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีประชาชนเสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บ 38 ราย รวม 52 ราย
โฆษกพรรค พปชร. ระบุว่า จากพยานหลักฐานบนสื่อสังคมออนไลน์ของทางการกัมพูชาและของสมเด็จฮุน เซนเอง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงพฤติกรรมการสั่งการและบัญชาการรบของสมเด็จฮุน เซน ที่ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ทีมกฎหมายของพรรค พปชร. จึงพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 288, 289 และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงนอกราชอาณาจักรตามมาตรา 119, 120, 127, 128, 129
ดังนั้น พล.ต.ท.ปิยะ จึงแนะนำให้ญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ฟ้องร้องดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ตามกฎหมาย ซึ่งแม้ว่าการกระทำความผิดจะเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทย แต่สามารถดำเนินคดีและลงโทษในประเทศไทยได้ตามมาตรา 7 และ 8 ของประมวลกฎหมายอาญา โดยมีอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนและผู้รับผิดชอบ
พล.ต.ท.ปิยะ เชื่อมั่นว่าอัยการสูงสุดจะให้ความสำคัญกับความสูญเสียของประชาชนชาวไทยมากกว่าประเทศกัมพูชา พร้อมทั้งยืนยันว่าพยานหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนไม่สามารถปฏิเสธได้ หากศาลออกหมายจับสมเด็จฮุน เซน ก็สามารถส่งหมายจับดังกล่าวไปยังตำรวจสากล (Interpol) เพื่อดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไปได้ โดยญาติผู้เสียชีวิตสามารถดำเนินคดีได้ทั้งทางอาญาและฟ้องร้องค่าเสียหายทางแพ่ง นอกจากนี้ รัฐบาลไทยควรให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายด้วย
แนะรัฐบาลใช้งบซอฟต์พาวเวอร์ช่วยเหลือประชาชนและทหาร
โฆษกพรรค พปชร. ยังได้ฝากกำลังใจถึงทหารผู้เสียสละ พร้อมทั้งสะท้อนความรู้สึกน้อยใจของทหารบางส่วนที่มองว่า เงินชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาลเพื่อไทยเพียง 1 ล้านบาทนั้นน้อยกว่าผู้ชุมนุมทางการเมืองเสื้อแดงที่เคยได้รับถึง 7-8 ล้านบาท
พล.ต.ท.ปิยะ จึงตั้งคำถามว่า ไม่ดีกว่าหรือที่จะนำงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์หลายพันล้านบาท ที่ใช้ไปกับโฆษณากางเกงช้าง และงบกว่า 1,600 ล้านบาทที่อนุมัติให้จัดงานเทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ (EDM) มาช่วยเหลือทหารและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ปิยะ ยังได้ฝากถึงประชาชนในพื้นที่ชายแดน 20 อำเภอ 7 จังหวัด ให้ช่วยกันสอดส่องและแจ้งเบาะแสหากพบเห็นอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนในพื้นที่ต้องห้าม เพื่อป้องกันการสอดแนมจากฝ่ายตรงข้าม และขอให้ประชาชนที่มีใจรักชาติช่วยกันหาตัวผู้ที่สั่งให้ทหารถอยหรือแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารด้วย