โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

จบดีล ‘ภาษีทรัมป์’ 19% หนุนมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2568 ขยายตัว 1.5%

The Bangkok Insight

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • The Bangkok Insight

"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย" ชี้ไทยบรรลุข้อตกลง "ภาษีทรัมป์" ได้รับอัตราภาษีดีขึ้นที่ 19% หนุนมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2568 โต 1.5%

สหรัฐประกาศอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) ใหม่ต่อไทย ในอัตราที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับ 36% มาอยู่ที่ 19% ใกล้เคียงกับภูมิภาคอาเซียน และดีกว่าเวียดนาม หลังทางการไทยมีความพยายามในการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา

ภาษีทรัมป์

รัฐบาลสหรัฐเรียกเก็บภาษี Reciprocal tariff กับสินค้าไทยที่อัตรา 19% ซึ่งเป็นอัตราที่ดีกว่าเดิม และแข่งขันได้กับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย กัมพูชา อีกทั้งอัตราภาษีดังกล่าวยังต่ำกว่าอัตราภาษีที่อินเดียได้รับที่ 25% ซึ่งอัตราภาษีที่ไม่แตกต่างกันส่งผลให้ในภาพรวมสินค้าส่งออกไทยยังคงความสามารถทางการแข่งขันได้ ขณะที่ภาพการค้าโลกก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากความไม่แน่นอนทางการค้าที่ลดลงรวมถึงหลายประเทศได้รับอัตราภาษีที่ลดลงกว่าที่ประกาศไว้ในเดือนเมษายนซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนมุมมองต่อการส่งออกไทยอีกทางหนึ่ง

อัตราภาษีสินค้าสวมสิทธิ์ (Transshipment) ที่สหรัฐจะเรียกเก็บในอัตรา 40% คาดว่าจะส่งผลให้การนำเข้าสินค้าเพื่อ Re-export ไปยังตลาดสหรัฐ ผ่านไทยซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในประเทศต่ำนั้นมีแนวโน้มชะลอลง โดยขึ้นอยู่กับการบังคับใช้มาตรการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local content) อย่างจริงจังที่อาจช่วยลดแรงกดดันต่อภาคการผลิตไทย นอกจากนี้ ภาษีนำเข้าของไทยเทียบกับภูมิภาคที่ไม่แตกต่างกัน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาให้น้ำหนักกับปัจจัยพื้นฐานในการตัดสินลงทุนมากขึ้น

อย่างไรก็ดี การไหลเข้ามาของสินค้านำเข้าจากจีนเพื่อบริโภคในประเทศคาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ภาคการผลิตในปีนี้คาดว่าจะยังหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

ภาษีทรัมป์

ภายใต้ข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ไทยต้องยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐราว 90% ของสินค้าทั้งหมด รวมถึงลดมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีลงนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การเปิดตลาดนำเข้าสินค้าสหรัฐอาจไม่ทำให้สินค้าสหรัฐไหลบ่าเข้ามาในไทยมากอย่างที่กังวล เนื่องจาก

  • สินค้านำเข้าจากสหรัฐส่วนใหญ่มีอัตราภาษี MFN เป็น 0% อยู่แต่เดิม
  • สินค้านำเข้าจากสหรัฐส่วนใหญ่ไทยไม่สามารถผลิตได้ หรือผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ เช่น เครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์บางรายการที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง อีกทั้ง ขึ้นอยู่กับความสามารถทางการแข่งขันด้านต้นทุนของสินค้าสหรัฐในแต่ละอุตสาหกรรม
  • สินค้านำเข้าจากสหรัฐหลายรายการอาจมีต้นทุนสูงกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือสินค้านำเข้าจากตลาดอื่นโดยเฉพาะตลาดที่ไทยมี FTA อยู่แต่เดิม

อย่างไรก็ตาม หากไทยต้องเพิ่มโควต้านำเข้าสินค้าพลังงานและเกษตรจากสหรัฐ อาทิ สินค้าเกษตรอย่างถั่วเหลือง ข้าวโพด รวมถึงเนื้อสัตว์ คาดว่าจะกระทบเกษตรกรรายย่อย และในบางกรณีจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตอุตสาหกรรมอาหารเพิ่มขึ้น และอาจจะส่งผ่านมายังเงินเฟ้อในระยะถัดไป ทั้งนี้ ยังต้องติดตามความชัดเจนของการเปิดตลาดสินค้าเกษตรในรายละเอียด รวมถึงมาตรการเยียวยาจากภาครัฐ

ติดตามนโยบายการค้าของสหรัฐเพิ่มเติม หลังจากนี้ โดยเฉพาะผลกระทบจากรายการสินค้าภายใต้ Section 232 ที่คาดว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติม เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และไม้แปรรูป เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องติดตามประเด็นทางกฎหมายเรื่องอำนาจการบังคับใช้ภาษี Reciprocal tariff ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังอยู่ในขั้นตอนไต่สวนอยู่ ขณะที่ไทยอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ร่วมกับสหภาพยุโรป (EU) และแคนาดา ซึ่งอาจช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดอื่นนอกจากสหรัฐมากขึ้น

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดส่งออกจะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตดีขึ้นเล็กน้อยที่ 1.5% จากเดิม 1.4% ท่ามกลางท่องเที่ยวโตต่ำกว่าคาด

ภาษีทรัมป์

อัตราภาษี Reciprocal tariff ที่ดีขึ้นและแข่งขันได้ ปรับมุมมองการส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ดีขึ้นกว่าเดิม โดยคาดว่าจะหดตัวลดลงมาอยู่ที่ -7.4% YoY และการส่งออกไทยทั้งปี 2568 ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 3.4% เพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้าที่ 1.5% ทั้งนี้ การส่งออกไทยในครึ่งปีหลังที่ยังหดตัวเป็นผลจากการเร่งสูงออกสูงในช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวถึง 15.0% YoY ประกอบกับมีปัจจัยฐานการส่งออกทองคำที่สูงในครึ่งหลังของปี 2567

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยเผชิญปัจจัยกดดันที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณที่อาจต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.5% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2568 คาดว่าจะลดลงจากประมาณการเดิมมาอยู่ที่ราว 32.2 ล้านคน ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปี จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ยังคงไม่กลับมา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Bangkok Insight

‘จตุพร’ หวังเห็น ‘ทักษิณ’ ไปศาลฎีกา ฟังคำสั่งคดีชั้น 14 ในวันที่ 9 ก.ย.นี้

27 นาทีที่แล้ว

‘อนุทิน’ มั่นใจที่ดิน ‘เขากระโดง’ ทำถูกต้องตามกฎหมาย-คำพิพากษาศาล

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ระทึก! EOD บึ้มทำลายจรวด BM-21 กลางถนนศรีสะเกษ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘วิสุทธิ์’ เผยสภาฯ เตรียมเลือก ‘รองประธานคนที่ 1’ แทน ‘พิเชษฐ์’ 7 ส.ค.นี้!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

“สหรัฐ-จีน-มาเลเซีย” ร่วมสังเกตการณ์การประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ไม่กระทบทวิภาคี

ข่าวหุ้นธุรกิจ

TMAN โตเด่น! ยา-ความงาม หนุนกำไร

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ฟันด์โฟลว์ต่างชาติสะท้อน ‘ความหวัง’

ข่าวหุ้นธุรกิจ

เปิดลิสต์ ยูนิคอร์น ปี 2025 กับ 5 สตาร์ทอัพดาวรุ่งพุ่งแรงระดับโลก

กรุงเทพธุรกิจ
วิดีโอ

Beyond Cold Brew Coffee นวัตกรรมกาแฟสกัดเย็น | Shark Tank Thailand Season 5

Media Tank

ภาษีทรัมป์ 19% ไทยเกาะกลุ่มอาเซียน เอกชนชื่นชมดีล ชี้สู้การค้าได้-ดึงดูดเงินลงทุน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

นักวิชาการ มธ.แนะแผน 3 ระยะ สร้าง ศก.ไทย จากภาษีทรัมป์ ชง ‘คลัง-BOI’ ลดผลกระทบ

กรุงเทพธุรกิจ

ดาราไทย กลายเป็นเป้าเฟคนิวส์-โดนทัวร์กัมพูชาลง

The Bangkok Insight

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดร่วงกว่า 500 จุด กังวลเศรษฐกิจซบเซา-จ้างงานอ่อนแอ

The Bangkok Insight

‘ดาวโจนส์’ ร่วงกว่า 400 จุด หวั่นเศรษฐกิจสหัฐถดถอย เหตุตัวเลขจ้างงานทรุดหนัก

The Bangkok Insight

มาอีกแล้ว! ‘ทรัมป์’ ฟาด ‘พาวเวล’ รายวัน ไม่พอใจไม่ยอม ‘ลดดอกเบี้ย’

The Bangkok Insight
ดูเพิ่ม
Loading...