Ozzy Osbourne ตำนานเจ้าชายความมืดแห่งวงการดนตรีเฮฟวีเมทัล
ก่อนอื่นไม่มีอะไรไปมากกว่าขอแสดงความเสียใจกับวงการดนตรีเฮฟวีเมทัล และชาวร็อคทั้งหลาย กับการจากไปของ ออสซี ออสบอร์น (Ozzy Osbourne) ในวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยวัย 76 ปี กับเจ้าของฉายา “เจ้าชายแห่งความมืด” ซึ่งเป็นฉายาที่ได้มาจากแนวดนตรีเฮฟวีเมทัล นั้นเอง
Related articles
Akon ผู้นำกลิ่นอายแอฟริกามาสู่เสียงแห่งดนตรีฮิปฮอป
Tyga แร็ปเปอร์ผู้มีเสน่ห์ ทั้งวงการเพลงบนดินและใต้ดิน
ออสบอร์นได้ออกมาเปิดเผยถึงการต่อสู้กับโรคพาร์กินสันของเขามาตั้งแต่ปี 2019 และเขาได้เล่นคอนเสิร์ตอำลากับวง Black Sabbath เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้นเอง เราไปทำความรู้จักการจากไปอย่างสวยของเขากัน
การจากไปที่สวยงามของ Ozzy Osbourne และเหล่าคนดนตรีโลกที่ไว้อาลัย
ทางครอบครัวของเขาออกแถลงการณ์ว่า “เราขอแจ้งให้ทราบด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่งยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ ที่จะบรรยายได้ว่า ออซซี ออสบอร์น ผู้เป็นที่รักของเราได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อเช้านี้ เขาอยู่กับครอบครัวและรายล้อมไปด้วยความรัก”
โทนี อิออมมี (Tony Iommi) ผู้ร่วมก่อตั้งวง Black Sabbath กล่าวว่า “พวกเราสูญเสียพี่ชายไป” ในขณะที่มือเบสอย่าง กีสเซอร์ บัตเลอร์ (Geezer Butler) รำลึกถึงการแสดงครั้งสุดท้ายของพวกเขา และมือกลองอย่าง บิล วอร์ด (Bill Ward) ก็ได้แชร์รูปถ่ายเก่า ๆ ของพวกเขาที่ถ่ายด้วยกัน นั้นก็ทำให้รู้ว่าทุกคนรัก ออซซี่ ออสบอร์น นักร้องนำวงเฮฟวีเมทัลระดับบุกเบิกอย่าง Black Sabbath ขนาดไหน หลังจากเพิ่งแสดงคอนเสิร์ตสุดท้ายของ Black Sabbath ที่เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึงเป็นการร่ำลาแฟน ๆ อย่างสมศักดิ์ศรีที่สุด
“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดว่า Ozzy Osbourne มีความหมายต่อ Metallica มากเพียงใด” “ฮีโร่ ไอคอน ผู้บุกเบิก แรงบันดาลใจ ที่ปรึกษา และที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อน คือคนเพียงไม่กี่คนที่นึกถึง” เป็นโพสต์ทางวง Metallica ผ่านแพลตฟอร์ม X
และยังมีอีกหลายคนและทั้งวงร่วมแสดงการจากไปอย่างสุดซึ้งของเจ้าชายทมิฬคนนี้ โดย AC/DC โพสต์ว่าการเสียชีวิตของออสบอร์นเป็น “การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของทุกคนที่รักเขา” ขณะที่เซอร์เอลตัน จอห์น (Sir Elton John)โพสต์บนอินสตาแกรมว่า “เสียใจอย่างยิ่งที่ได้ยินข่าวการจากไปของออสซี ออสบอร์น
แม้กระทั่งวง Foo Fighters เขียนไว้ว่า “Rock and Roll คงไม่ดังหรือสนุกขนาดนี้” ถ้าไม่มีออสบอร์น ขณะที่โรเบิร์ต แพลนท์ (Robert Plant) นักร้องนำวง Led Zeppelin กล่าวว่าเขา “ได้เปลี่ยนแปลงโลกของร็อกไปอย่างแท้จริง”
ผู้สร้างตำนานบทเพลงสุดคลาสสิกแห่งร็อคทมิฬ
Paranoid, War Pigs, Crazy Train และ Iron Man ชื่อเพลงเหล่านี้ใครที่ไม่ใช่แฟนเพลงระดับเส้นเลือดฝอยก็อาจจะเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างไม่มากก็น้อย เราแนะนำให้คุณไปหามาฟังเดี๋ยวนี้
ออซซี ออสบอร์น หรือชื่อจริงคือ จอห์น ไมเคิล ออสบอร์น (John Michael Osbourne) เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 1948 เป็นนักดนตรีชาวอังกฤษผู้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในวงการเฮฟวีเมทัล อาชีพของเขายาวนานกว่าห้าทศวรรษ จนได้รับฉายาว่า “เจ้าชายแห่งความมืด” (นี่เราน่าจะย้ำเป็นครั้งที่สาม)
ช่วงเริ่มต้นอาชีพนักดนตรีของเขานั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เมื่อเขาได้ร่วมก่อตั้งวงดนตรีที่ชื่อ Black Sabbath ร่วมกับเพื่อนสามคนที่เราได้กล่าวไปข้างต้น จนได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้บุกเบิกแนวเพลงเฮฟวีเมทัลด้วยเสียงดนตรีที่หนักแน่น มืดมน ริฟฟ์ที่ดังกึกก้อง และเนื้อร้องที่น่าสะพรึงกลัว โดยอัลบั้มเปิดตัวชื่อเดียวกันของพวกเขาในปี 1970 ตามมาด้วยเพลงคลาสสิกอย่าง “Paranoid” (1970), “Master of Reality” (1971) และ “Sabbath Bloody Sabbath” (1973) แต่ออสบอร์นก็ถูกไล่ออกจาก Black Sabbath ในปี 1979 เนื่องจากปัญหาการใช้สารเสพติดนั้นเอง
แม้จะออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวแต่ความสำเร็จของศิลปินเดี่ยวอัลบั้ม “Blizzard of Ozz” (1980)ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายด้วยยอดขายระดับมัลติแพลตตินัม และยังมีเพลงฮิตติดหูอย่าง “Crazy Train” และ “Mr. Crowley” ตามมาด้วย “Diary of a Madman” (1981) ซึ่งยังคงประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 ออสบอร์นยังคงออกอัลบั้มฮิตอย่างต่อเนื่อง เช่น “Bark at the Moon” (1983), “No More Tears” (1991) และ “Ozzmosis” (1995) โดยแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางดนตรีของเขาควบคู่ไปกับการรักษารากฐานดนตรีเฮฟวีเมทัลเอาไว้
ต่อมา ทุกคนต้องคุ้นหูกับงาน Ozzfest ที่เริ่มตัวในปี 1996 กับเทศกาลดนตรีที่สายร็อคต้องรู้จัก โดยมีวงดนตรีทรงอิทธิพลมากมายมาร่วมงาน ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 รวมถึงช่วงต้น 2000 มีรายการเรียลลิตี้โชว์ “The Osbournes” ทางช่อง MTV ซึ่งนำเสนอมุมมองชีวิตครอบครัวของเขาที่ทั้งตลกขบขัน
ผลงานช่วงท้าย ๆ ของชีวิต
ออสบอร์นยังคงออกเพลงใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพลง “Ordinary Man” (2020) และ “Patient Number 9” (2022) ซึ่งได้ร่วมงานกับนักดนตรีชื่อดังและทำให้เขาได้รับรางวัลแกรมมี่เพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ เขายังกลับมาร่วมงานกับวง Black Sabbath ในอัลบั้มสุดท้ายของพวกเขา “13” (2013) และทัวร์คอนเสิร์ตอำลาวงนั้นเอง
อาชีพของออสบอร์นโดดเด่นด้วยนวัตกรรมทางดนตรีและเรื่องราวอีกมากมาย เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกที่ศิลปินรุ่นน้องหรือรุ่นลูก และรุ่นหลาน จะจดจำความดิบเถื่อนในสไตล์เพลงของเขาตลอดไป
อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ ไลฟ์สไตล์คนเมือง ร้านอาหารเด็ดดัง แฟชั่นล่าสุด สุขภาพ และความงาม พร้อมกับ เรื่องราวทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้ที่ Lifestyle Asia
Hero & Featured Photo Credit: Ozzy Osbourne via Facebook
References:
https://www.bbc.com/news/articles/c17w4wn71z9o
https://news.sky.com/story/ozzy-osbourne-dies-just-weeks-after-farewell-show-13400248Note : The information in this article is accurate as of the date of publication.