แจง ‘ทรัมป์’ เน้นยุติความรุนแรง มากกว่าเจรจาเงื่อนไขภาษี
“จักรภพ” ย้ำ ทั่วโลกเข้าใจ ไทยยืนหยัดยึดหลักความมั่นคงชาติ ตอบโต้กัมพูชาอย่างเหมาะสม แจง “ทรัมป์” ยกหูคุย “ภูมิธรรม”บรรยากาศดี เน้นเรื่องยุติความรุนแรง มากกว่าเจรจาเงื่อนไขภาษี
27 ก.ค.2568 - นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ปรึกษาเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยชี้ว่าเหตุการณ์ความก้าวร้าวจากกัมพูชาในคืนที่ผ่านมาได้ ถึงจุดสิ้นสุดของความอดกลั้น และรัฐบาลไทยมีความชอบธรรมโดยสมบูรณ์ในการใช้กำลังโต้ตอบอย่างเหมาะสม เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตของประชาชน และวันนี้ ประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่า การดำเนินการใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เป็นไปเพื่อป้องกันตนเองอย่างถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันประเทศไทยก็มีความพร้อมในด้านยุทธศาสตร์อยู่ประกอบการมติสาธารณะระหว่างประเทศจึงทำให้ทุกอย่างสุกงอมเต็มที่
นายจักรภพ กล่าวอีกว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย โดยทรัมป์ ขอให้ประเทศไทยและกัมพูชา ยุติการปะทะโดยทันที ซึ่งการเจรจาเป็นไปอย่างจริงใจและนุ่มนวล แม้ภายหลังทรัมป์จะโพสต์ในลักษณะที่ดูเหมือนเชื่อมโยงสถานการณ์ไทย-กัมพูชาเข้ากับประเด็นการเจรจาภาษี
“แต่สาระสำคัญของการพูดคุยคือการขอความร่วมมือเพื่อยุติความรุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่าการเจรจาภาษีสหรัฐ ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจ “เรื่องนี้มันข้ามเรื่องอธิปไตยไปแล้ว แต่มันเป็นเรื่องของการละเมิดดินแดนที่เราต้องโต้ตอบอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้กระทำผิดคือกัมพูชาได้รับการลงโทษ ตรงนี้เป็นคนละเรื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ เรามีสิทธิ์ที่จะปกป้องและเอาคืนกับชีวิตคนของเรา และความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะกัมพูชาไม่มีข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงเวลาที่คนผิดต้องถูกลงโทษ” นายจักรภพ กล่าว
นายจักรภพ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน หลายประเทศแสดงเจตจำนงพร้อมเป็นตัวกลางเพื่อคลี่คลายความตึงเครียด อาทิ มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยประเทศไทยยืนยันหลักการเจรจาแบบทวิภาคี เพื่อไม่ให้เกิดการขยายความขัดแย้งไปในวงกว้าง และดึงประเทศที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง
“นี่ไม่ใช่แค่การปกป้องดินแดน แต่เป็นการโต้ตอบอย่างชอบธรรมต่อการละเมิดอย่างต่อเนื่องจากกัมพูชา ซึ่งไม่อาจมีข้ออ้างใดรองรับได้อีกต่อไป” ที่ปรึกษาเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมเน้นว่าการดำเนินการทุกขั้นของไทยจะอยู่บนหลักการแห่งสติ ความระมัดระวัง และกฎหมายสากล .