ประกันชีวิตครึ่งปีแรกโตร้อยละ 4.87 รับดีมานด์สุขภาพ-บำนาญพุ่ง
นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (มกราคม–มิถุนายน) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม อยู่ที่ 326,588.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.87 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่ยังคงมองหาความมั่นคงด้านสุขภาพ การออมเพื่อเกษียณ และการลงทุนควบคู่กับความคุ้มครองชีวิตในยุคเศรษฐกิจไม่แน่นอน
เบี้ยประกันภัยรายใหม่เติบโตถึงร้อยละ 7.43 ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปโตที่ร้อยละ 3.86 อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์อยู่ที่ร้อยละ 82 โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก ด้วยเบี้ยรวม 61,219.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.99 คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 18.75 ของตลาด รวมถึงประกันชีวิตแบบบำนาญ และแบบควบการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งการวางแผนการเงินระยะยาวและการรับมือกับค่ารักษาพยาบาลที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องจากภาวะ Medical Inflation
ช่องทางการขายยังคงพึ่งพาตัวแทนประกันชีวิตเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ขณะที่ช่องทางดิจิทัลแม้ยังมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.23 แต่มีอัตราเติบโตสูงถึงร้อยละ 28.21 สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ภาคธุรกิจยังเร่งยกระดับเทคโนโลยี เช่น Big Data, AI และ Data Analytics เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการอย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม สมาคมประกันชีวิตไทยยังเตือนถึงความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องเฝ้าระวัง ทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยสูง เงินเฟ้อ ภาระหนี้ครัวเรือน ตลอดจนสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกและภาษีการค้าจากประเทศมหาอำนาจ ที่อาจกระทบต่อกำลังซื้อและพฤติกรรมการออม นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจาก Climate Change และโรคอุบัติใหม่ ที่อาจเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต
ภาคธุรกิจยังต้องเร่งปรับตัวให้สอดรับกับมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 17 ที่บังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2568 ซึ่งเปลี่ยนวิธีการบันทึกรายได้ การประเมินความเสี่ยง และการเปิดเผยข้อมูล เพิ่มความโปร่งใส แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องลงทุนเพื่อปรับระบบภายในอย่างมีประสิทธิภาพ
สมาคมประกันชีวิตไทยยังเดินหน้าผนวกแนวคิด ESG เข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจ ทั้งด้านการลงทุน การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการดำเนินงาน เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการส่งเสริมสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม นายกสมาคมฯ ย้ำว่า ธุรกิจประกันชีวิตจะต้องเป็นมากกว่าเพียงการคุ้มครอง แต่ต้องเป็นแรงขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง