สรุปบทลงโทษดราม่า "ชูหมูสามชั้น" ฟุตซอลไทยลีก: "บลูเวฟ" โดนปรับ-แฟนบอลโดนแบน
จากเหตุการณ์ที่กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการฟุตซอลไทย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ในการแข่งขันฟุตซอลไทยลีก 2025 คู่ระหว่าง บลูเวฟ ชลบุรี พบกับ แบงค็อก บีทีเอส เอฟซี ณ สนามอาคารโรงฝึกกีฬาอเนกประสงค์ มกช. วิทยาเขตชลบุรี ซึ่งเกิดกรณีที่แฟนบอลบางกลุ่มของบลูเวฟ ชลบุรี ได้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วยการนำเนื้อหมูสามชั้นออกมาโชว์ใส่ผู้เล่นและสตาฟฟ์ของแบงค็อก บีทีเอส ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม นำไปสู่การร้องเรียนและบทลงโทษในที่สุด
ที่มาของเหตุการณ์และปฏิกิริยาจากทุกฝ่าย
หลังเกิดเหตุการณ์นี้ แบงค็อก บีทีเอส เอฟซี ได้ออกแถลงการณ์ร้องเรียนต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยระบุว่าไม่สามารถยอมรับการกระทำดังกล่าวได้ เนื่องจากหลักการทางศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ควรถูกนำมาเป็นเครื่องมือสร้างความสะใจ และต้องการแสดงจุดยืนต่อเหตุการณ์นี้
ทางด้าน นายวรงค์ ทิวทัศน์ ประธานจัดการแข่งขันฟุตซอลไทยลีก ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำดังกล่าวทันที โดยเน้นย้ำว่า "การกระทำใดๆ ที่เป็นการดูหมิ่น ละเมิด หรือแสดงออกในลักษณะกีดกันเหยียดหยาม ย่อมเป็นสิ่งที่สวนทางกับจิตวิญญาณของกีฬาอย่างสิ้นเชิง ฟุตซอลไทยลีกยืนหยัดบนหลักแห่งความเคารพ ความเท่าเทียม และโอกาสสำหรับทุกคน การเหยียดในทุกรูปแบบไม่มีที่ยืนในลีกของเรา" พร้อมระบุว่าฝ่ายจัดการแข่งขันจะดำเนินมาตรการอย่างจริงจัง และหากพบว่าเป็นความจริง จะมีการลงโทษที่เหมาะสม รวมถึงพิจารณาห้ามเข้าสนามหรือดำเนินการทางกฎหมาย
ในส่วนของ สโมสรบลูเวฟ ชลบุรี ได้ออกแถลงการณ์ฉบับแรก แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและขอโทษต่อสตาฟฟ์และนักเตะของแบงค็อก บีทีเอส เอฟซี รวมถึงพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนและจัดมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต รวมถึงจะมีการให้ความรู้กับแฟนคลับเกี่ยวกับความสำคัญของศาสนา
ต่อมา สโมสรบลูเวฟ ชลบุรี ได้ออก แถลงการณ์ฉบับที่ 2 เพื่อแสดงความรับผิดชอบและยืนยันเจตนารมณ์ของสโมสรอย่างจริงจัง ในการไม่ยอมรับพฤติกรรมที่ขาดความเคารพต่อความเชื่อทางศาสนา และขัดต่อจริยธรรมในวงการกีฬาไทย โดยมีมติลงโทษด้วยการ "แบนบุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าว โดยห้ามเข้าชมการแข่งขันและเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ของสโมสรทุกประเภทโดยไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติมจากสโมสร"
การดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก สร้างมาตรฐานความเคารพในสังคมกีฬา และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสโมสร คู่แข่งขัน และแฟนฟุตซอลทั่วประเทศ สโมสรยังได้ย้ำอีกครั้งว่าไม่สนับสนุนพฤติกรรมที่บ่อนทำลายคุณค่าทางศาสนา วัฒนธรรม และความสามัคคีในวงการกีฬา และจะเดินหน้าแก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ ความเคารพ และน้ำใจนักกีฬา
ในส่วนของ แฟนบอลต้นเรื่อง ที่ก่อเหตุ ได้ยอมรับผิดและไลฟ์สดกล่าวคำขอโทษต่อแบงค็อก บีทีเอส โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาเหยียดหยามศาสนา เจตนาที่แท้จริงคือต้องการสื่อว่าคู่แข่งเป็น "ทีมหมู" (ซึ่งเป็นคำสแลงหมายถึงทีมที่เล่นอ่อนกว่า) โดยไม่ได้ไตร่ตรองถึงผลกระทบต่อบุคลากรของแบงค็อก บีทีเอส หลายคนที่นับถือศาสนาอิสลาม และพร้อมน้อมรับทุกบทลงโทษจากสโมสรบลูเวฟ ชลบุรี
ผลการพิจารณาบทลงโทษจากคณะกรรมการวินัยฯ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้จัดการประชุมครั้งที่ 46 ประจำฤดูกาล 2567/68 โดยมีนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาเหตุการณ์ดังกล่าว และได้มีมติลงโทษดังนี้:
ลงโทษกองเชียร์สโมสรฟุตซอลบลูเวฟ ชลบุรี:
ความผิด: แสดงพฤติกรรมหรือกระทำการใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณชน หรือต่อบุคคลใด ในสถานที่จัดการแข่งขัน ซึ่งมีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.11
บทลงโทษ: ปรับเงิน 20,000 บาท และเนื่องจากการกระทำดังกล่าวส่งผลให้เกิดภาพลบต่อการแข่งขัน จึงถูกลงโทษเพิ่มเติมตามระเบียบฯ บทที่ 3 หมวดที่ 1 ข้อ 3.3 คือ ห้ามเข้าสถานที่จัดการแข่งขันในรายการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จัดขึ้นทุกรายการ เป็นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งลงโทษ
ลงโทษสโมสรฟุตซอลบลูเวฟ ชลบุรี:
ความผิด: บกพร่องในการปล่อยปละละเลยให้กองเชียร์นำเนื้อสุกรเข้ามาภายในสถานที่จัดการแข่งขันได้ จนเกิดเป็นภาพลบต่อการแข่งขันฟุตซอลไทยลีก ซึ่งมีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.18. (2)
บทลงโทษ: ปรับเงิน 20,000 บาท