ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร!
ประวัติศาสตร์ชาติไทยเป็นเรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่มหาอำนาจตะวันตกต่างพากันแผ่อิทธิพลล่าอาณานิคมไปทั่วโลก ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนมากต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาติตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ หรือสเปน แต่ "สยาม" หรือประเทศไทยในปัจจุบัน กลับเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาคนี้ที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาติใดเลย! อะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้? คำตอบคือ "ความชาญฉลาดและสายพระเนตรอันกว้างไกลของบูรพกษัตริย์" รวมถึง "ความเสียสละของประชาชนคนไทย" ที่ร่วมกันปกป้องแผ่นดินสยาม
1.กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ไทยรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้น
การทูตที่ชาญฉลาดและการถ่วงดุลอำนาจ: ในยุคล่าอาณานิคม สยามตั้งอยู่ระหว่างอิทธิพลของสองมหาอำนาจใหญ่คือ อังกฤษ (ซึ่งปกครองอินเดียและพม่า) และ ฝรั่งเศส (ซึ่งปกครองอินโดจีน) แทนที่จะเลือกอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง พระมหากษัตริย์ไทยในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงดำเนินนโยบาย "ถ่วงดุลอำนาจ" หรือ "ไม้ซีกงัดไม้ซุง" อย่างชาญฉลาด โดยทรงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับทั้งสองฝ่าย ไม่เปิดโอกาสให้ชาติใดชาติหนึ่งมีอิทธิพลเหนือสยามมากจนเกินไป
ทรงส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นรับรู้ถึงสถานะของสยามในฐานะรัฐเอกราช
ทรงทำสนธิสัญญาต่างๆ กับชาติตะวันตก เพื่อแสดงความเปิดกว้างทางการค้า แต่ก็ยังคงรักษาอธิปไตยไว้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
2.การปฏิรูปประเทศให้ทันสมัย: เพื่อแสดงให้ชาติตะวันตกรู้ว่าสยามไม่ใช่ประเทศที่ล้าหลังป่าเถื่อน ซึ่งอาจเป็นข้ออ้างในการเข้ามาปกครอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้านอย่างขนานใหญ่ หรือที่เราเรียกว่า "ปฏิรูปประเทศ" การปฏิรูปนี้ครอบคลุมถึง
การปฏิรูปการปกครอง: จัดตั้งกระทรวง ทบวง กรม ขึ้นใหม่ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและเป็นระบบสากล
การปฏิรูปกฎหมายและการศาล: ยกเลิกระบบไพร่และทาส สร้างความเท่าเทียมในสังคม และจัดตั้งศาลยุติธรรมตามแบบตะวันตก
การปฏิรูปการศึกษา: จัดตั้งโรงเรียน และส่งนักเรียนไทยไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพื่อนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: สร้างรถไฟ โทรเลข และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อความเจริญของบ้านเมือง การปฏิรูปเหล่านี้ทำให้สยามก้าวสู่ความเป็นประเทศที่ทันสมัยในสายตาของชาติตะวันตก ลดทอนข้ออ้างในการเข้าแทรกแซง
3.การยอมเสียสละเพื่อรักษาผืนแผ่นดินใหญ่: แม้จะมีความพยายามอย่างเต็มที่ แต่สยามก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกกดดันจากมหาอำนาจได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะจากฝรั่งเศสที่ต้องการดินแดนบางส่วนของสยามในขณะนั้น เพื่อแลกกับการรักษาเอกราชของส่วนกลางไว้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงตัดสินพระทัยยอมเสียดินแดนบางส่วนให้กับฝรั่งเศส เช่น ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (ลาวในปัจจุบัน) และบางส่วนของกัมพูชา ซึ่งเป็นการ "ยอมเสียสละเพื่อรักษาส่วนใหญ่" ไว้ แม้จะเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวด แต่ก็เป็นทางเลือกที่จำเป็นที่สุดในสถานการณ์วิกฤต เพื่อไม่ให้สยามถูกยึดครองไปทั้งหมด
4.ความสามัคคีและจิตสำนึกของคนในชาติ: เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดนี้ ไม่ได้มาจากพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียว แต่ยังรวมถึงความร่วมมือร่วมใจของข้าราชบริพาร ปัญญาชน และประชาชนทุกคนในชาติ ที่ตระหนักถึงภัยคุกคาม และพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของพระมหากษัตริย์ในการรักษาเอกราช
มรดกอันล้ำค่า
การที่ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศใด ถือเป็นมรดกอันล้ำค่าที่บรรพบุรุษได้มอบไว้ให้แก่ลูกหลานไทยทุกคน เอกราชที่เรามีอยู่ในวันนี้ ไม่ได้ได้มาโดยง่าย แต่แลกมาด้วยความชาญฉลาด การเสียสละ และความกล้าหาญของคนในอดีต การตระหนักถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้ จะช่วยปลูกฝังความรักชาติ ความภาคภูมิใจ และสำนึกในการรักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตยของชาติไทย ให้คงอยู่สืบไปชั่วลูกชั่วหลาน
ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ,กรมศิลปากร ,หนังสือประวัติศาสตร์ไทย ,การเมืองในประวัติศาสตร์ ,สารคดีและงานวิจัยทางวิชาการ