‘จตุพร’ ประกาศชุมนุมใหญ่หนุน 5 เหล่าทัพ 2 ส.ค. สู้ศึกชายแดนไทยกัมพูชา
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ โรงแรมรัตนโกสินทร์ (ห้องทับทิม) ถนนราชดำเนินกลาง แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายแก้วสรร อติโพธิ นายถวิล เปลี่ยนศรี นายสมชาย แสวงการ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส นายพิชิต ไชยมงคล และคณะ ร่วมกันแถลงจุดยืนและแนวทางสำแดงพลังใจ ภายหลังการเกิดเหตุปะทะบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จนเป็นผลให้มีพลเรือนไทย ทหารไทย ต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต
นายนิติธร กล่าวว่า ตนอยากให้พี่น้องได้สูดลมหายใจเข้า-ออกลึก ๆ แล้วถามตัวเองว่าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากความวิกฤติ ความเลวร้ายต่าง ๆ ได้นำมาสู่สงครามในตอนนี้ แล้วถามว่าเรามีการเฉยชาเกินไปหรือไม่ หรือหลงลืมอะไรไปหรือไม่ หรือแท้จริงแล้วเรากำลังมองข้ามปัญหาที่แท้จริงหรือไม่ เนื่องจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นปัญหาที่ยังดำรงมาอย่างต่อเนื่อง และสงครามในครั้งนี้ต่างจากที่เคยเป็นมา เนื่องจากมันคือสงครามลูกผสม มันไม่ได้มีเพียงการต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่ยังมีการต่อสู้ทางการทูตและการข่าว ทั้งยังมีการโจมตีทางไซเบอร์และแฮกเกอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญเราต้องวิเคราะห์ว่าปัจจัยครั้งนี้มันมาจากอะไรบ้าง และใครเป็นคนจุดไฟ ใครคือคนที่ได้ประโยชน์ ใครที่ได้รักษาตำแหน่ง หรือแม้กระทั่งใครกำลังใช้เรื่องนี้ปกปิดความเลวร้ายที่ผ่านมาหรือไม่
ทนายนกเขา กล่าวอีกว่า คนมักกล่าวว่าจะต้องจัดการภาวะศึกนอกให้เรียบร้อยก่อน แต่ถ้าเราไม่จัดการศึกในให้เสร็จสิ้น เราก็แพ้ศึกนอกแน่นอนหากมองตามประวัติศาสตร์ แต่ตนอยากตีแผ่ให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่า เราจะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย จึงอยากขอเชิญชวนประชาชนและครอบครัวของพี่น้องทหาร ออกมารวมพลังสำแดงพลังให้นานาชาติประเทศได้เห็น รวมถึงให้สหประชาชาติได้เห็นว่าเราคนไทยนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน
ขณะที่ นายถวิล เปลี่ยนศรี ระบุว่า ที่ผ่านมาตนได้มีการนั่งคิดทบทวนว่าควรจะมีการชุมนุมเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เราทราบดีว่าอะไรควรและอะไรไม่ควร การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 ส.ค. นี้ มีเป้าหมายอย่างชัดเจน และเรารู้สถานการณ์ดี เรามารวมกันเพื่อส่งกำลังใจให้ทหารไทยที่ชายแดน เพราะบริเวณชายแดนไม่ปลอดภัย ดังนั้น เราจะส่งกำลังใจให้ทหารและพี่น้องประชาชนจากสงครามครั้งนี้ โดยจะสนับสนุนการทำงานของทหาร เพราะเราเชื่อว่าการเป็นแนวหลังที่ดี จะช่วยให้ทหารแนวหน้าและประชาชนที่กำลังเผชิญภัยได้มีกำลังใจที่เข้มแข็งได้
นายสมชาย แสวงการ เผยว่า มองว่ากองทัพไทยมีวินัยสูงในการปกป้องอธิปไตยไทย และที่ผ่านมา เราสามารถชนะได้โดยไม่ต้องรบ นั่นคือความสำเร็จสูงสุด แต่ในวันนี้เมื่อมันมีการรบเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องเข้าสู่การชนะให้ได้ ดังนั้น วันที่ 2 ส.ค. เรามีกำหนดนัดหมายคนไทย เพื่อให้กำลังใจเหล่าบรรดาทหารที่เสียสละเลือดเนื้อชีวิตตลอดแนวชายแดน ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะมีความยืดเยื้อหรือจบเร็วก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับเราทั้งหลายในประเทศไทย ที่จะออกมาแสดงพลังและเป็นกำลังใจให้กองทัพได้ทำหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น ยืดเยื้อจนเกิดสงคราม ก็เพราะผลประโยชน์ของสองตระกูล อีกทั้งคนที่บั่นทอนกองทัพก็คือฝ่ายรัฐบาล ยกตัวอย่าง เมื่อครั้งทหารเสนอขอตัดเน็ต ตัดไฟ หยุดการส่งน้ำมัน และขอให้มีการปิดด่าน ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเบาไปหาหนัก ก็ปรากฏว่าในวันที่ 15 มิ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการโทรศัพท์ไปหาสมเด็จฮุน เซน จนลุกลามบานปลายมาจนถึงวันนี้
นายสมชาย เผยอีกว่า กองทัพกำลังปกป้องอธิปไตยไทย และได้มีการเตรียมส่งเรื่องไปสู่ศาลโลกตามบันได 4 ขั้น เพื่อเอาเรื่องปราสาทและสนธิสัญญา MOU เข้าศาลโลก ขณะที่ทางกัมพูชา ได้มีการเตรียมตัวเรียบร้อยว่า ขอให้ทางการไทยยุติการยิง ทั้งที่กัมพูชามีการยิงใส่โรงพยาบาลและโรงเรียน เป็นการโจมตีเป้าหมายทางพลเรือน แต่กลับร้องสหประชาชาติ (UN) ขณะที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีการรับสายโทรศัพท์ของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เพื่อคุยกันเรื่องการยุติการหยุดยิง ซึ่งตนมองว่าหากกองทัพไทยหยุดยิงในวันนี้ ในวันข้างหน้ากัมพูชาอาจยิงเข้ามาในไทยทีเผลอได้ เพราะที่ผ่านมากองทัพกัมพูชา มีการขึ้นมาบริเวณภูเขือ จ.อุบลราชธานี และมีการรุกล้ำตลอดแนวพรมแดน แต่รักษาการนายกรัฐมนตรี กลับฟังคำสั่งผู้นำจิตวิญญาณตลอด นอกจากนี้ตนอยากสอบถามได้ว่า เรายังมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่หรือไม่ เนื่องจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.กต. มีการบินกลับมายังประเทศไทย เพราะถูกเรียกตัว แทนที่จะได้เข้าไปนำเสนอในห้องประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ในขณะที่ทางกัมพูชาได้มีการใช้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
นายสมชาย เผยต่อว่า ตอนนี้ไทยเราเพียงพอทั้งเรื่องการเมืองและการต่างประเทศ ข้อเสนอวันนี้ของเราคือการนัดชุมนุมเพื่อแสดงตัวตน ปรากฏตัวร่วมกันในฐานะคนไทย ผู้ที่รักชาติ เพื่อให้กำลังใจทหาร สร้างขวัญกำลังใจให้ฝ่ายกองทัพ นอกจากนี้ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่จะมีการจัดชุมนุมนั้น เราจะมีจุดรับบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น เพื่อที่จะส่งต่อให้กับทหารชายแดนและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่อยู่ตามศูนย์อพยพต่าง ๆ อย่างไรก็ดี อยากขอเชิญชวนให้พี่น้องคนไทยนำธงชาติไทยติดไว้ตามบ้าน เพื่อเป็นการสื่อสารว่าทหารไทยไม่ได้รบอย่างโดดเดี่ยว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ระบุว่า อธิปไตยของประเทศคือสิ่งสำคัญยิ่ง แม้ว่าตนจะเป็นเพียงตำรวจ แต่ก็เคยผ่านการปะทะกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์มาก่อน ตนมองว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมันคือความขัดแย้งของผลประโยชน์ระหว่างตระกูลชินวัตรและตระกูลฮุน ที่ทั้งคู่ต่างก็มีความพยายามอย่างครอบครองประเทศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คนที่รับกรรมคือ ตำรวจตระเวนชายแดน ทหารบก ทหารอากาศ และทหารเรือ นอกจากนี้ ตนได้ดูสถานการณ์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะคลิปวิดีโอของทหารกัมพูชาที่มีการยิงปืนต่อสู้ ปรากฏว่าเสื้อก็ไม่ใส่ ทั้งยังใส่รองเท้าแตะ รับประทานข้าวก็ลำบาก การปะทะต่อสู้ก็เป็นการยิงไปเรื่อย ไม่ได้มีเป้าหมายชัดเจน ไม่ได้มีความบำนาญ คาดว่าเดี๋ยวกระสุนก็หมดคลังแล้ว ซึ่งต่างจากทหารไทย ที่ทำงานด้วยประสบการณ์ความรู้ ซึ่งในการดูแลทหารไทยและพี่น้องประชาชน มันคือหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องปกครองดูแลช่วยเหลือ แต่ตอนนี้รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพไปแล้ว
ปิดท้ายด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า การที่เรานัดชุมนุมในวันที่ 2 ส.ค. นี้ ค่อนข้างได้รับการตอบโต้จากรัฐบาลว่าเป็นการชุมนุมไม่รู้เวลา โดยอ้างว่าวันนี้ประชาชนและประเทศชาติต้องการความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งตนเรียนว่า มันมี IO ที่พยายามปั่นกระแส หาว่าเราเป็นพวกคลั่งชาติ หรือชาตินิยมสุดขั้ว และชี้หน้าใส่กลุ่มรวมพลังแผ่นดินเพื่อปกป้องอธิปไตย ว่าเป็นกลุ่มคลั่งชาติ กระหายสงคราม แต่อยากบอกว่า ถ้ารัฐบาลได้ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวมถึงกรณีของเสมียนประเทศ หากไม่ สทร. สงครามวันนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่เพราะเรื่องผลประโยชน์กว่า 30 ปี เมื่อวันหนึ่งมันไม่ลงตัว มันก็ลามมาสู่ประเทศ เพราะถ้าดูจากกรณีที่เจ้าตัวไปออกรายการผ่าทางตันที่เนชั่น มีการกล่าวอ้างว่า อยู่ที่ว่าใครอึดกว่ากัน แต่พอเกิดสงคราม กลับบอกให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของสมเด็จฮุน เซน ทำตัวเสมือนควบคุมทุกอย่าง แม้กระทั่งการรบของทหาร
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า หากสังเกตดูจะพบว่าสงครามมีการพัฒนาและขยายพื้นที่ความเสียหายเสีย เพราะมันมีการยิงปืนใหญ่ไปยังประเทศลาว นอกจากนี้ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด แล้วพอในช่วงเช้ามืดก็มีการปะทะเกิดขึ้น ถามว่าคนไทยควรทำหน้าที่อย่างไร เพราะในเมื่อทั่วโลกเวลามีสงคราม อย่างเตหะราน หรืออิสราเอล เป็นต้น ประชาชนจะมีการลงถนนเพื่อแสดงความกล้าหาญ ส่งกำลังใจให้แนวหน้าทหาร นอกจากนี้ ตนได้ดูรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีอ่านแถลงการณ์ ก็มีความงก ๆ เงิ่น ๆ แทนที่การแถลงการณ์ผ่านหน้าจอ จะต้องทำตัวให้สมาร์ต
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้ประเทศเรามีงบ 1.75 แสนล้านบาท ตนมองว่าควรเอาเงินส่วนนี้มาสำรองสำหรับสงครามก่อน วันนี้ประเทศเราจะเสียอะไรก็ได้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไว้ อีกทั้งทางศูนย์อพยพในพื้นที่จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ก็มีการแจ้งรายการสิ่งของอุปโภคบริโภคจำเป็นที่ต้องการ เนื่องจากจำนวนผู้อพยพในแต่ละจุดมีจำนวนมาก จึงไม่มีความเพียงพอ เราจึงมาเป็นกระบอกเสียงเพื่อขอรับการบริจาคและสนับสนุนในวันที่ 2 ส.ค. ตนจึงอยากถามว่าหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ที่มีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่อยู่นั้น คุณจะนั่งทำหอกอะไร ถ้าชาวบ้านขาดรายการเหล่านี้ อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งประสานเรื่องข้าวสารปลากระป๋อง เพื่อส่งไปช่วยคนในพื้นที่
นายจตุพร กล่าวว่า การนัดชุมนุม หลายคนวิตกกังวลว่าผู้คนจะมาร่วมมากหรือไม่ แต่เราไม่ได้ชุมนุมเพื่อเอาหน้า แม้ในวันนั้นจะมีตนมาเพียงคนเดียว ตนก็จะชุมนุม เพราะการแสดงออกรักชาติบ้านเมือง ไม่ได้ต้องรอให้คนเต็มก่อนแล้วค่อยแสดงออก และตนเชื่อว่า เมื่อครั้งที่ยังไม่มีการสูญเสียของคนไทยเกิดขึ้น คนก็มาชุมนุมจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อมีผู้สูญเสียเยอะขึ้นในวันนี้ คนไทยจะหายหัวไปเลย ก็เป็นไปไม่ได้
นายจตุพร กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับกิจกรรมก่อนถึงวันนัดชุมนุมใหญ่ 2 ส.ค. เราจะมีการเคลื่อนขบวนตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.-1 ส.ค. ทุกวันเวลา 10.00 น. เพื่อไปให้กำลังใจ 5 เหล่าทัพ ดังนี้ วันที่ 29 ก.ค. ที่ กองบัญชาการกองทัพไทย (แจ้งวัฒนะ) วันที่ 30 ก.ค. ที่ กองทัพอากาศ (ดอนเมือง) วันที่ 31 ก.ค. ที่ กองทัพเรือ (ฝั่งธน) ในเวลา 10.00 น. ส่วนเวลา 13.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวันที่ 1 ส.ค. ที่ กองทัพบก (แยก จปร.ราชดำเนิน) ทั้งนี้ ต้นขอพี่น้องที่จะร่วมทางกัน ให้นำธงชาติไทยมาสำแดงพลัง หรือนำดอกไม้มาเพื่อเตรียมไปให้กำลังใจ และไว้อาลัยแด่ทหารและพลเรือนไทยที่เสียด้วย.