Meta เปิดวิสัยทัศน์ AI หนุนยกระดับธุรกิจไทยยุคใหม่
Meta ประกาศวิสัยทัศน์ด้าน AI เผยทุ่มงบมหาศาลกว่าแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและวิจัย AI พร้อมเดินหน้าชูเทคโนโลยี AI เป็นหัวใจขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่ความสำเร็จ ยกระดับประสิทธิภาพ เพิ่มยอดขาย และลดต้นทุนอย่างยั่งยืน
วันที่ 27 มิถุนายน 2568 - ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้ง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางธุรกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นการนำ AI มาเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และความสำเร็จ
นางสาวแพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ของ Facebook ประเทศไทย เปิดเผยว่า Metaได้ลงทุนมหาศาลกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในโครงสร้างพื้นฐานและการวิจัยด้าน AI โดยมีเป้าหมายในการบุกเบิกนวัตกรรม การใช้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ
และที่สำคัญคือการพัฒนาโมเดล AI แบบ Open-Source อย่างMeta Llama เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การลงทุนนี้จะยังคงดำเนินต่อไป โดยในปี 2568 Meta คาดว่าจะลงทุนอีกกว่า 6.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการสนับสนุนศูนย์ข้อมูลและฮาร์ดแวร์สำหรับ AI ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีนี้
นางสาวแพรเน้นย้ำว่า AI ของ Meta ไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพและทำงานแบบอัตโนมัติ ในกระบวนการต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น ส่งผลให้การใช้งานแอปพลิเคชันในเครือ Meta มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- การเข้าถึงและการมีส่วนร่วมที่เหนือกว่า : ด้วยผู้ใช้งานกว่า 3.43 พันล้านคนต่อวัน Metaคือแพลตฟอร์มที่ผู้คนเข้ามาค้นหา เชื่อมต่อ และซื้อสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Reels ที่มีการแชร์ซ้ำถึง 4.5 พันล้านครั้งต่อวัน และการสนทนาทางธุรกิจกว่า 600 ล้านรายการที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มMeta ในแต่ละวัน แสดงให้เห็นถึงพลังในการเข้าถึงและสร้างการมีส่วนร่วมอย่างมหาศาล
- การบูรณาการ AI ที่แข็งแกร่ง : Meta AI ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานของ Llama 4 มีผู้ใช้งานประจำเกือบ 1 พันล้านคนต่อวัน และมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันMeta AI โดยเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังช่วยพัฒนาระบบแนะนำเนื้อหาบนแอปต่าง ๆ ของMeta อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระยะเวลาที่ผู้ใช้งานใช้บน Facebook เพิ่มขึ้น 7% บน Instagram เพิ่มขึ้น 6% และบน Threads เพิ่มขึ้นถึง 35% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
- ผลตอบแทนที่โดดเด่นจากการลงทุนโฆษณา (ROAS) : Meta มุ่งมั่นพัฒนาระบบอัตโนมัติเพื่อลดค่าใช้จ่ายโฆษณาโดยไม่ลดประสิทธิภาพ ผลการศึกษาล่าสุดพบว่านักโฆษณาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รับผลตอบแทนจากการใช้จ่ายโฆษณา (ROAS) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อทุก 1 เหรียญสหรัฐฯ ที่ใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มMeta และแคมเปญการขายที่ใช้เครื่องมือธุรกิจMeta Advantage+ ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI มีค่า ROAS เพิ่มขึ้นถึง 37% เมื่อเทียบกับแคมเปญทั่วไป
โซลูชั่น AI เพื่อธุรกิจ
ก้าวสู่ความสำเร็จที่จับต้องได้
นางสาวแพรกล่าวต่อว่า เครื่องมือ AI ของMeta ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่ม ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้อย่างโดดเด่นในทุกอุตสาหกรรมและสามารถรองรับการใช้งานของธุรกิจทุกขนาดไม่ว่าจะเป็นธูรกิจขนาดใหญ่ไปจนถึงกลุ่ม SMEs ซึ่งพร้อมช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจ
- Meta Advantage+ Campaigns : แคมเปญที่ครอบคลุมทั้งยอดขายและการหาลูกค้าเป้าหมาย โดยใช้ AI ในการปรับงบประมาณ การกำหนดเป้าหมาย และการพัฒนาครีเอทีฟโฆษณาให้เหมาะสม ส่งผลให้ ต้นทุนต่อการได้มาซึ่งลูกค้า (CPA) ลดลง 9% และ ต้นทุนต่อลีดที่มีคุณภาพลดลง 10%
- Generative AI สำหรับครีเอทีฟ : AI ของMeta ช่วยสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบและปรับแต่งภาพโฆษณาให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลของโฆษณา
- Opportunity Score : เครื่องมือนี้ให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับแคมเปญ โดยระบุจุดอ่อนและเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและเหมาะสม
- Value Optimization : เครื่องมือนี้ใช้เพื่อจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมายที่สร้างมูลค่าทางธุรกิจสูงสุด ช่วยให้สามารถตั้งค่าแคมเปญแบบรวบรวมข้อมูลเข้าด้วยกันและดำเนินงานแบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่มีมูลค่าถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยประมาณ 5.6%
เบื้องหลังความสำเร็จ
โมเดล AI อันทรงพลัง
Meta ใช้โมเดล AI ขั้นสูงเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่ธุรกิจ
- Meta GEM (Generative Ads Recommendation Model) : โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงรุ่นใหม่ที่ทรงพลัง ซึ่งสามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อส่งมอบโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลและน่าสนใจยิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้งาน ช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพของโฆษณาและความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมาย
- Meta Andromeda : โมเดลการคาดการณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของMeta ช่วยปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยสามารถระบุประเภทของโฆษณาและคอนเทนต์ที่มีแนวโน้มจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้แต่ละราย
โดยชุดเครื่องมือธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของMeta ได้สร้างการเติบโตและประหยัดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญให้กับธุรกิจในประเทศไทย
- Hadara Healthy Bag : แบรนด์กระเป๋าเพื่อสุขภาพที่ใช้ Sales campaign บนแพลตฟอร์มMeta ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ผ่านMeta Advantage+ ทำให้ ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 25 เท่า ภายในเวลาเพียง 1 เดือน
- กรุงศรี ออโต้ : ทำงานร่วมกับเอเจนซี่ Dotmatter ใช้Meta Advantage+ Sales Campaigns เพื่อเพิ่มยอดลีดสินเชื่อรถยนต์ ส่งผลให้ ต้นทุนต่อลีดลดลงถึง 50% และ จำนวนลีดเพิ่มขึ้น 2 เท่า
- แสนสิริ : ใช้เครื่องมือ Conversion Lead Optimization (CLO) ของMeta เพื่อปรับการกำหนดเป้าหมายของโฆษณา ส่งผลให้ อัตราการแปลงเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้น 15% และ ลดต้นทุนลง 48% นอกจากนี้ยังใช้ Advantage+ Catalog Ads (ACA) ส่งผลให้สามารถ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้น 48% และ จำนวนลีดเพิ่มขึ้น 108%
วิสัยทัศน์ของMeta
สู่การขับเคลื่อนอนาคต
นางสาวแพรกล่าวต่อว่า จากข้อมูลของ Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2568 Generative AI จะกลายเป็นพันธมิตรในการทำงานสำหรับ 90% ของบริษัททั่วโลก และภายในปี 2570 กว่า 50% ของโมเดล Generative AI ที่องค์กรใช้งานจะถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมหรือฟังก์ชัน
โดย Metaมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้าน AI แห่งอนาคต การลงทุนมหาศาลของเราในปีนี้จะยกระดับประสบการณ์บนแพลตฟอร์มและขีดความสามารถของ AI ให้มีประสิทธิภาพและมีความหมายยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ เฉพาะบุคคลยิ่งขึ้น (more personal) ขับเคลื่อนการเติบโตมากขึ้น (more growth) และ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าได้มากขึ้น (more conversion)
"เครื่องมือ AI ของเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของกระบวนการตลาด ตั้งแต่การสร้างโฆษณาจนถึงการขับเคลื่อนยอดขาย โดยถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับกระบวนการธุรกิจประจำวัน ช่วยเพิ่มยอดขาย ค้นหาลูกค้าใหม่ และลดต้นทุนผ่านการทำงานอัตโนมัติและการสร้างเนื้อหา นอกจากนี้ เครื่องมือของเรายังมีความยืดหยุ่นในการขยายขนาดกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่สามารถได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน"
เทคโนโลยี AI ยังคงพัฒนาอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงขับเคลื่อนจากนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการที่ธุรกิจจะปรับตัวให้ทันในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้น จำเป็นต้องเริ่มจากการมี แนวคิดที่มุ่งเน้นการทดลองและเรียนรู้ (test-and-learn mindset) โดยขั้นตอนแรกคือการทำความเข้าใจอย่างชัดเจนว่าวิธีการใช้งาน AI แบบใดที่สอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจคุณ จากนั้นจึงทดลองใช้เครื่องมือ AI ที่หลากหลาย และปรับกระบวนการทำงานให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ ๆ และสร้างผลลัพธ์ที่เห็นผลชัดเจนอย่างแท้จริง