ไทยโอบายาชิ ผุด มิกซ์ยูสราชดำริ 8,000 ล้าน พร้อมโรงแรมหรู Seibu Prince ร่วมทุนสหพัฒน์
นายพรชัย สิทธิยากรณ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นันทวัน จำกัด (ไทยโอบายาชิ) กล่าวว่า ไทยโอบายาชิ ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ “ราชดำริโปรเจ็กต์” มูลค่าโครงการประมาณ 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โรงแรมหรู ที่เป็นการร่วมทุนครั้งแรกระหว่าง "ไทยโอบายาชิ" และ "เครือสหพัฒน์" ร่วมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งในโครงการยังมี สำนักงาน โรงแรมและพื้นที่ค้าปลีก มีแผนเปิดดำเนินการในช่วงเดือน พ.ย. 2572
สำหรับโครงการมิกซ์ยูสบนทำเลราชดำริ มีความสูง 40 ชั้น มีทั้งค้าปลีกในชั้นล่าง ตามด้วยสำนักงาน และโรงแรม ที่อยู่ในชั้นบน โดยโรงแรมที่เป็น Seibu Prince Hotels Worldwide ในเครือของ Seibu Group โรงแรมระดับไฮเอนด์ และเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจโรงแรมรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาบริหารพื้นที่ของโรงแรม
ทั้งนี้การพัฒนาโครงการโรงแรม "Seibu Prince Hotels Worldwide" ที่เป็นการพัฒนาระหว่าง ไทยโอบายาชิ และเครือสหพัฒน์ ที่มีแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่มาดำเนินการ คาดว่าจะกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น ไทยโอบายาชิ 60% และเครือสหพัฒน์ 40% โดยมูลค่าโครงการของโรงแรม คาดว่าจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท
สำหรับโรงแรม วางรูปแบบให้มีขนาดห้องพัก 200 ห้อง พร้อมด้วยห้องจัดเลี้ยง ห้องประชุม ห้องอาหารไฮเอนด์ และสปา ส่วนชั้นบนที่เป็นโรงแรม สามารถมองเห็นวิวของพื้นที่ใจกลางเมืองได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ใจกลางราชดำริ เนื่องจากเป็นพื้นที่สำคัญที่อยู่ใจกลางเมือง เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสถานราชดำริ รวมถึงเป็นทำเลที่มีความเงียบสงบ จึงสามารถรองรับความต้องการของธุรกิจญี่ปุ่น บริษัทนานาชาติ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวในไทย
“บริษัทไทยโอบายาชิ เน้นการออกแบบและก่อสร้างเป็นหลัก แต่ได้เริ่มขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจไปสู่การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส เนื่องจากบริษัทมองโอกาสตลาดที่มีศักยภาพในไทย จึงขยายสู่การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ครั้งนี้ และบริษัทแม่จากญี่ปุ่นได้เห็นชอบในการพัฒนาลงทุนโครงการใหม่ในไทย”
สำหรับพื้นที่โครงการ ขนาด 6 ไร่ อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าราชดำริ โดยบริษัทได้ประมูลเข้ามาพื้นที่จาก สำนักงานบริหารจัดการทรัพย์สิน วชิราวุธวิทยาลัย เป็นเวลา 50 ปี
“โทชิฮิโระ มัตสึโอะ” รองประธานอาวุโสของ Seibu Prince Hotels Worldwide กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนขยายโรงแรมในไทย เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพสูงและบริษัทมีความเชื่อมั่นในตลาดของประเทศไทย พร้อมกันนี้บริษัทจะใช้ประสบการณ์จากการบริหารเครือโรงแรมระดับโลกจากญี่ปุ่น ที่ในปัจจุบันมีการบริหารโรงแรมรวม 86 แห่งมาร่วมผสมผสานการบริหารโรงแรมในไทยที่มีทำเลศักยภาพสูง เพื่อร่วมสร้างความประสบการณ์ที่ดีให้แก่กลุ่มลูกค้า
ทั้งนี้ตามแผนของบริษัทในระยะ 10 ปีนับจากนี้ ต้องการเข้าไปบริหารโรงแรมในประเทศต่างๆ ให้ครอบคลุม 250 แห่ง และมีประเทศไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ
"วิชัย กุลสมภพ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เสริมว่า โรงแรมแห่งใหม่นี้ เครือสหพัฒน์ต้องการร่วมสร้างแลนด์มาร์กใหม่ในพื้นที่ราชดำริ พร้อมการยกระดับคุณภาพและบริการ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย