โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

ยกธงขาวได้แล้ว! ‘ชาญชัย’ ชี้พิรุธคดี ‘ชั้น14’ แพทย์ไม่รู้จ่ายยาอะไร

เดลินิวส์

อัพเดต 19 กรกฎาคม 2568 เวลา 0.38 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
“ชาญชัย” เผยศาลเรียก “วิษณุ” เบิกความ 30 ก.ค. นี้ ชี้พิรุธใหญ่ แพทย์ไม่รู้จ่ายยาอะไร ใกล้ปิดเกม ด้าน “หมอวรงค์” ลั่น “ราชทัณฑ์เบิกความไม่ตรงทีมแพทย์” ชี้เตรียมยกธงขาวได้แล้ว

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมฟังการไต่สวนคดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้ได้รับทราบข้อเท็จจริง ได้เห็นเอกสารเองกับหูได้ดูกับตา และคำให้การขัดแย้งกับแพทย์สภาจริง ๆ ซึ่งในอาทิตย์หน้าแพทย์สภาจะมาเบิกความ เมื่อเช้าตนได้ชี้แจงต่อศาลและศาลได้นำใบเสร็จขึ้นมาถามสรุปแล้ว ก็ถามว่าทำไมใบเสร็จถึงไม่มีค่ายา

"ผู้อำนวยการทั้งเก่าและใหม่ เขาบอกว่าไปซื้อยาข้างนอกมาใช้เอง ซึ่งตนงงมากกับระบบของโรงพยาบาลตำรวจ ที่แพทย์จ่ายยาทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าจ่ายยาอะไร เป็นเรื่องแปลกประหลาดเป็นพิรุธใหญ่มาก" นายชาญชัย กล่าว

นายชาญชัย กล่าวว่า วันนี้ทางองค์คณะได้สอบถามมากพอสมควร แล้วตนจะให้หลักฐานเหล่านี้ไปปรากฏต่อสาธารณะ ซึ่งไม่ผิดเพราะหลักฐานตัวนี้ได้ให้ไว้ก่อนที่จะเข้าไปฟังศาลไต่สวน และไม่ใช่เวชระเบียน ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น เปิดเผยต่อสาธารณะได้ ศาลได้เรียกหลักฐานไปแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ยืนยันว่าเปิดเผยต่อสาธารณะได้ และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ไม่ใช่การกล่าวโทษผู้อื่น และยังตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะคนไทยทั้งประเทศ เวลาไปนอนโรงพยาบาล เวลาได้รับใบเสร็จ จะมีรายการยาทุกคน แต่มีใบเสร็จนี้อันเดียวที่ไม่มี ซึ่งเป็นกรณีพิเศษ เพราะฉะนั้นอย่าไปโทษคนอื่นว่าเขากลั่นแกล้ง ตัวเองทำอะไรและทำผิดกฎหมายและทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปทั้งหมด เป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องไปพิจารณาตัวเอง

นายชาญชัย เปิดเผยว่า ตนได้ถามไปว่าใครเป็นคนส่งตัวนายทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจ 181 วัน ซึ่งโดยปกติ นายทักษิณสั่งไม่ได้ แต่วันนี้จะมีคนที่เข้าร่วมกระบวนการนายทักษิณ คือศาลอนุมัติให้นายวิษณุ เครืองาม มาเป็นพยานให้นายทักษิณ ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ ความจริงจะปรากฏอีกรูปแบบหนึ่งทั้งระบบ แล้วจะปิดก๊อกและความจริงจะปิดเกมแล้ว แล้วจะปรากฏว่าเรื่องนี้จะไปจบอย่างไร

นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า หัวใจสำคัญวันนี้คือการไต่สวนแพทย์ ดังนั้นประเด็นที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นในค่ำคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ที่มีการส่งตัวมาโรงพยาบาลตำรวจ สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อนักโทษรายนี้มาโรงพยาบาลตำรวจ และไปอยู่ที่ชั้น 14 มีการถามว่าใครกำหนดให้เป็นคนอยู่ที่ชั้น 14 ซึ่งไม่มีใครชี้แจงได้ว่าใครเป็นผู้กำหนด แต่ในภาพรวมพยายามโบ้ยไปให้พยาบาลหรือศูนย์ประสานงานในการรับผู้ป่วย

วันนี้เป็นการยืนยันว่าการส่งนักโทษรายนี้มา ด้วยหลักการแล้วต้องผ่านห้องฉุกเฉิน เพราะเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน มีอาการเจ็บหน้าอก มีปัญหาการหายใจ แต่ที่จะฟังการไต่สวนแล้วยืนยันว่าไม่มีการผ่านห้องฉุกเฉิน ซึ่งมีการซักถามกันในประเด็นห้องฉุกเฉินกับชั้น 14 และ ICU ว่าศักยภาพเป็นแบบไหน อย่างน้อยก็ให้รับรู้ว่าห้องฉุกเฉินเป็นห้องรักษาเบื้องต้นผู้ป่วยที่มีอาการวิกฤติ ส่วน ICU จะเป็นการดูแลคนไข้วิกฤติแบบระยะยาว

"มีการชี้ให้เห็นว่าชั้น 14 เป็นห้องพิเศษหรือไม่ มีพยานอย่างน้อย 2 ปาก ชี้ให้เห็นว่าเป็นห้องพิเศษ แต่มีอยู่ 1 ปาก ที่พยายามบอกว่าเป็นห้องแยก หลาย ๆ ปากให้ข้อมูลสอดคล้องกัน ชี้ว่าชั้น 14 ที่เอาขึ้นไปส่งนั้น ด้วยสาเหตุสำคัญ 2 กรณี คือ อ้างเรื่องโควิดและอ้างเรื่องความปลอดภัย" นายแพทย์วรงค์ กล่าว

นายแพทย์วรงค์ ยังกล่าวว่า การมาถึงโรงพยาบาลตำรวจในช่วงเที่ยงคืนเศษ ๆ ภาพปกติแล้วผ่านห้องฉุกเฉิน แพทย์เวรห้องฉุกเฉินจะเป็นคนดูแลและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่คืนนั้นกลายเป็นปรึกษาแพทย์เวร ที่เป็นแพทย์ด้านศัลยกรรมสมอง ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่าแพทย์ที่ถูกสอบจากโรงพยาบาลตำรวจวันนี้ กลายเป็นแพทย์ที่อยู่ในทีมเดียวกันคือ ศัลยกรรมสมองทั้ง 3 คน ซึ่งมีการส่งตัวมาเพราะอาการแน่นหน้าอกและถูกสงสัยว่าเกี่ยวกับโรคหัวใจ แต่แพทย์ที่ดูแลกลับเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านสมอง ไม่ได้ปรึกษาแพทย์ด้านหัวใจในคืนนั้น และจากที่ฟังแพทย์ที่ทำการรักษาด้านสมอง กลายเป็นแพทย์ผู้สั่งการรักษาในคืนนั้น ทุกคนทราบอยู่แล้วว่ามีการใช้ยา 2 ตัว คือยาพ่นกับยาลดความดัน

"ที่น่าแปลกใจมากสำหรับคนที่อยู่ในวงการแพทย์ คือ มีการปรึกษาแพทย์ทางด้านโรคหัวใจจริงๆ ซึ่งมาปรึกษาในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ในเวลาปกติ และแพทย์โรคหัวใจมาดูแลจริงๆ ในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 ซึ่งมีการบันทึกไว้ชัดเจนว่าอาการผู้ป่วยทุเลาลง หากเป็นคนไข้ทั่วไปสามารถกลับไปรักษาที่บ้านได้ มีปัญหาอะไรก็ให้มาตรวจต่อได้ ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญ" นายแพทย์วรงค์ กล่าวและว่า ส่วนที่เหลือจะเป็นเรื่องการรักษาผ่านิ้วล็อก ผ่าตัดเอ็นไหล่ ผ่านิ้วล็อกนั้น ถ้าเป็นคนทั่วไป ก็ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก อีกเรื่องคือการเจาะที่ไหล่ โดยทั่วไปควรนอนโรงพยาบาลประมาณ 7 วัน แต่นายทักษิณ อาจมีภาวะอื่นๆ แฝงตัวอยู่ก็อาจจะทำให้นอนโรงพยาบาลประมาณ 3 อาทิตย์

"แต่สิ่งที่น่าสนใจหากได้ฟังคำไต่สวน ทีมราชทัณฑ์ให้ข้อมูลไม่ตรงกับทีมแพทย์ ทีมราชทัณฑ์พยายามยืนยันว่านักโทษรายนี้ติดเตียงต่อเนื่อง ในเมื่อถามแพทย์แต่ละท่านเมื่อเข้าไปตรวจเยี่ยม เจอคนไข้นั่งที่โซฟาก็มี บางท่านก็บอกว่าเมื่อเข้าไปตรวจเยี่ยม เจอคนไข้เดินอยู่ข้างเตียงก็มี บทสรุปคือ ผมว่าน่าจะยกธงขาวได้แล้ว ไม่รู้จะเอาอะไรมาแก้ตัว" นายแพทย์วรงค์ กล่าว

ขณะที่นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. กล่าวเสริมในเรื่องของใบเสร็จการรักษาของนายทักษิณ ว่า มีแต่ค่าห้องตลอด 180 วัน ค่ายารักษามี 2 อาการที่พบ การผ่าตัดนิ้วล็อกกับผ่าตัดไหล่ จะสำคัญคือการล้มหรือการเกิดอุบัติเหตุ ขณะที่อยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ ไม่ใช่อาการเดิม ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการผ่าตัด ส่วนการสงสัยว่าป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ที่ว่าวิกฤติและถูกส่งออกมา หลังจากที่ตนเคยสอบทิ้งไว้ในคณะกรรมาธิการของ สว. กลับวันนี้ที่มาฟังพยานจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจทั้งหมด ไม่พบการผ่าตัดส่วนหัวใจ เป็นการให้ยาตามปกติ ที่สำคัญคือไม่ได้เข้าห้องฉุกเฉิน เหมือนที่พยาบาลราชทัณฑ์ หมอราชทัณฑ์ และพัศดีเวรทั้งหลาย ส่งตัวฉุกเฉิน ซึ่งคนไข้ลักษณะอาการแบบนี้ต้องรักษาภายใน 90 นาที แต่ใช้เวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อมาถึงโรงพยาบาลตำรวจก็ไม่ได้เข้าห้อง ICU แต่ไปอยู่ห้องพักฟื้นที่ชั้น 14 เลย ซึ่งเรื่องนี้ชัดเจนขึ้น

อีกประเด็นที่อยากให้ไปตรวจสอบคือ MOU ของโรงพยาบาลตำรวจกับราชทัณฑ์นั้น อาคารรักษาผู้ป่วยที่ส่งจากราชทัณฑ์ อยู่ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งมีห้องป่วยฉุกเฉินอยู่ข้างล่างและอาคารนี้ชั้น 5 มีห้องขัง 4 เตียง มีลูกกรงกั้นควบคุมตัวได้ ไม่ได้ส่งผู้ป่วยเหล่านี้ไปที่อาคารนั้น ซึ่งในสัปดาห์หน้าเราจะมีหลักฐานว่าชั้น 14 มีผู้ป่วยอื่นรักษาอยู่แล้ว ไม่ได้ป่วยโควิด การอ้างของโรงพยาบาลตำรวจ เรื่องตรวจโควิด อันนี้ก็เป็นข้อสงสัยใบเสร็จชัดเจนว่าค่ารักษาพยาบาลมีน้อยมาก ค่าผ่าตัดก็มีแค่ 2 โรค สรุปคือสามารถส่งนักโทษกลับเรือนจำได้ตลอดเวลา ส่วนที่บอกว่าป่วยวิกฤติรักษาต่อเนื่องเฉพาะทาง ในความเห็นตนฟังไม่ขึ้น ผู้ป่วยก็ต้องกลับไปอยู่เรือนจำ ถ้าจะไปพักฟื้นต้องกลับไปอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่ใช่อยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14

ทั้งนี้ นายสมชาย ยังระบุว่า นายวิษณุที่จะมาเป็นพยาน เปิดกล้องวงจรปิดที่ราชทัณฑ์ในวันที่นายวิษณุ ได้เข้าไป เพื่อยืนยันกับศาลว่าได้เดินทางไปตรวจจริงๆ

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งข้อสังเกตว่าแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทั้งแพทย์เวรและพยาบาลเวรบอกว่าเป็นโรคหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่ที่โรงพยาบาลตำรวจไม่มีการตรวจโดยแพทย์โรคหัวใจ โดยปล่อยให้ผ่านไปกว่า 20 ชั่วโมง จนถึงเช้าวันที่ 24 ส.ค. 66 จึงมีแพทย์โรคหัวใจมาตรวจ เมื่อตรวจแล้วพบความดันโลหิตสูงและให้ยาขยายหลอดลม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ มองว่าการอ้างทั้งหมดนี้น่าจะเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้เป็นไปตามมาตรา 55 การส่งตัวตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ และกฎกระทรวง

ทั้งนี้ การตรวจของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจต้องยืนยันว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือดตามที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้แจ้ง และเช้าวันที่ 24-25 ส.ค. 66 พบว่าความดันโลหิตหายแล้ว ก็น่าจะกลับไปที่เรือนจำ ซึ่งเมื่อเห็นว่าไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ก็ควรจะต้องกลับไปอยู่เรือนจำตามหมายขัง

นพ.วรงค์ กล่าวถึงการไต่สวนในวันนี้ เป็นการพิจารณาจากบันทึกของแพทย์ไม่ใช่ใบคำสั่งแพทย์ บันทึกแพทย์สามารถเขียนย้อนหลังได้ แต่คำสั่งแพทย์จะเขียนทุกวันไล่ตามเวลาจริงว่าสั่งยาอะไรบ้าง ซึ่งในการพิจารณาความนำบันทึกของแพทย์และใบคำสั่งแพทย์ที่อยู่ในเวชระเบียนมาพร้อมกัน พร้อมเรียกร้องให้นายวิษณุ เครืองาม ที่ศาลจะนัดมาไต่สวนว่า คำพูดของนายวิษณุที่ระบุว่า นายทักษิณจำคุกแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่จะเชื่อได้ 100% จึงขอให้นายวิษณุ นำหลักฐานภาพถ่ายที่มีการลงทะเบียนระบบข้อมูลผู้ต้องขัง (รท.101) ที่นายทักษิณถอดเสื้อในแดนคุมขัง ที่มีการถ่ายรูปตรงและด้านข้าง คุมขังเพื่อยืนยันว่าเข้าไปในแดนคุมขัง และมีการลงทะเบียนจริง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

“ผีแดง” ยังไม่สาแก่ใจเล็งคว้าหอกใหม่เพิ่มอีกราย

29 นาทีที่แล้ว

ตะลึง! เทรนด์ใหม่คุณแม่ ปั๊มน้ำนมขาย ทำรายได้อย่างงามวันละสามหมื่น!

34 นาทีที่แล้ว

หนุ่มห้าวเบิ้ลเครื่อง-ยกล้อมอไซค์โชว์สาว พุ่งชนกระจกแตกเลือดอาบเจ็บหนัก

55 นาทีที่แล้ว

‘ไต้ฝุ่น KPN’ เผยชีวิตหลังแต่งงานแฮปปี้ ความสุขไร้การเปลี่ยนแปลง แง้มแพลนเบบี๋ 2ปีข้างหน้า!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความอาชญากรรมอื่น ๆ

รวบแล้ว "เสือปุ่น" หัวหน้าแก๊งปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท กลางลานจอดรถห้าง

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

สืบนครบาลรวบ "เสือปุ่น" หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้อง หลังปล้นเงิน 3.4 ล้าน

PPTV HD 36

“พลทหารธนพัฒน์” ขอลุกขึ้นสู้ทำกายภาพ กลับไปปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม

Amarin TV

ฟิวส์ขาด! หลานรัวยิงอาดับคาที่ เซ่นปมพิพาทที่ดิน รับทนมานานกว่า 10 ปี

เดลินิวส์

ตำรวจลุย จัดระเบียบ รถตุ๊กตุ๊ก เยาวราช จับแล้ว 91 คัน ถนนโล่ง ผู้คนสัญจรสะดวก

Khaosod

กัดไม่ปล่อย! รวบแล้ว เก่ง ด่านช้าง เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ยิงเปิดทางหนีสุดท้ายโดนซัลโวขาลาก

เดลินิวส์

ใกล้ปิดจ๊อบ! สืบนครบาลรวบ ‘เสือปุ่น-สมุน’ แก๊งปล้นเงินคริปโต 3.4 ล้าน

เดลินิวส์

รวบแล้ว1! สุนัขทหาร ร่วมตำรวจล่าโจรลาว ชิงทรัพย์แม่ค้าแผงต้นไม้ เร่งล่าอีกคน

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

ผัวทะเลาะเมียฉุนน้องมาห้าม บ้าคลั่งไล่แทงดับ-หลานสาหัส

เดลินิวส์

แพทย์รพ.ตำรวจ ยัน ‘ทักษิณ’ มีภาวะแทรกซ้อน ศาลเรียก ‘วิษณุ’ แจง 30 ก.ค.

เดลินิวส์

‘ไอซ์ รักชนก’ อึ้ง ‘กำแพงเพชร’ ส่งเข้าประกวดงบครุภัณฑ์ ‘บ้านพักผู้ว่าฯ’ 3.2 ล้าน

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม
Loading...