เผยที่ดินรีสอร์ต “จอนนี่ มือปราบ” รับช่วงต่อเป็นมือที่ 3 ในพื้นที่มีอีกกว่า 500 ครอบครัว
อุบลราชธานี ผู้ใหญ่บ้านยัน “จอนนี่ มือปราบ” ซื้อที่ดินต่อจากเจ้าของเดิม และเป็นที่รักของชาวบ้าน เพราะมาสร้างงานให้คนในชุมชนได้มีกินมีใช้ ถ้าจะไล่จอนนี่ ก็ต้องไล่ชาวบ้านที่เข้ามาอยู่อาศัยเมื่อกว่า 40 ปีก่อนประมาณ 500 ครอบครัวด้วย ชาวบ้านเชื่อที่เจ้าตัวถูกดำเนินคดีเพราะวิจารณ์นายกฯ เผยจอนนี่แจ้งความกลับอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ และผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 2 คน รวม 2 ข้อหา คือ 157 และหมิ่นประมาท
จากกรณีนายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ผู้รับมอบอำนาจจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับดาบตำรวจยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่ มือปราบ" อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ตรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ดาบตำรวจยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่ มือปราบ" ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 2 คน รวม 2 ข้อหาคือ 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และหมิ่นประมาท
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงตรวจสอบรีสอร์ตของดาบตำรวจยุทธพล ตั้งอยู่บ้านห้วยไฮ ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี พบเป็นรีสอร์ตขนาด 4-5 ไร่เศษ ตั้งอยู่ติดกับลำห้วยไฮ และยังเปิดทำการตามปกติ เมื่อสอบถามหาดาบตำรวจยุทธพล ทราบว่า ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปให้สัมภาษณ์กับรายการทีวีช่องหนึ่ง สำหรับรีสอร์ตดังกล่าวได้เปิดทำการมาแล้วประมาณ 4 ปี
จึงได้เข้าสอบถามข้อมูลความเป็นมาของที่ดินดังกล่าวจากนายมิตรชัย ขันคำ อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านห้วยไฮ ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร เปิดเผยว่า ที่ดินบริเวณจุดก่อสร้างรีสอร์ตของจอนนี่ มือปราบ เป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่าอยู่ในความดูแลของสำนักงานพัฒนาสังคมฯ จังหวัดอุบลราชธานี
โดยพื้นที่ดังกล่าว 100% แบ่งออกเป็น 2 ส่วน เป็นพื้นที่ที่สามารถออกเอกสารครอบครองได้ 80% ส่วนอีก 20% ถูกกันออกให้เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย ซึ่งใน 20% ดังกล่าวได้มีชาวบ้านมาจับจองเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยมานานกว่า 40 ปี มีประชากรมากกว่า 500 หลังคาเรือน
สำหรับกรณีที่เป็นประเด็นในปัจจุบันหากมองว่าจอนนี่ มือปราบ สร้างรีสอร์ตบุกรุกที่สาธารณะตามที่มีการแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว หากจะต้องดำเนินการตามกฎหมายขับไล่ ก็ต้องขับไล่ชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่ในเขตพื้นที่กว่า 500 หลังคาเรือนออกไปด้วย เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 และชาวบ้านก็ไม่ยอมที่จะออกจากพื้นที่โดยเด็ดขาด เพราะมีการตั้งหลักฐานครอบครัวมานานแล้ว
กรณีที่ดินที่ถูกร้องเรียนนั้นเบื้องต้นถูกการเปลี่ยนมือมาแล้ว 2 คน จอนนี่ มือปราบเป็นคนที่ 3 ที่มารับช่วงต่อ และในการรับช่วงต่อได้มีส่วนรู้เห็นและร่วมในการซื้อขายทำสัญญาร่วมกันไม่ได้เป็นผู้ที่มาบุกรุกแผ้วถางแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นที่ทำให้มีข้อพิพาทในตอนนี้ตนคาดว่า น่าจะเป็นเรื่องของการที่จอนนี่ มือปราบได้มีการวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี จนทำให้ชาวบ้านมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่อย่างไร เพราะถ้าจะขับไล่ดำเนินคดี ก็ควรจะกระทำตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ได้ปล่อยให้มายาวนานถึงขนาดนี้
และการที่มีรีสอร์ตของจอนนี่ มือปราบในพื้นที่ ไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียหรือผลกระทบต่อธรรมชาติ มีแต่การสร้างประโยชน์และรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชนเป็นที่รักของคนในชุมชนโดยรอบ.
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เผยที่ดินรีสอร์ต “จอนนี่ มือปราบ” รับช่วงต่อเป็นมือที่ 3 ในพื้นที่มีอีกกว่า 500 ครอบครัว
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath