"บัตรเครดิต - แอปเงินด่วน” ระบบสินเชื่อยุคใหม่ของคนรายได้น้อย ที่ไม่มีสลิปแต่มีความจำเป็น
ในยุคที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกปี“การมีเครดิต” กลายเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิตประจำวัน มากกว่าความหรูหราเหมือนในอดีต
เมื่อ “บัตรเครดิต” ไม่ใช่แค่ของคนมีเงินอีกต่อไป Thairath Money เจาะข้อมูลวิจัยของ LH Bank พบว่า ตลาดบัตรเครดิตในไทยในปี 2566 มีการแข่งขันสูงและกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มผู้นำไม่กี่ราย
โดยธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ครองส่วนแบ่งสูงสุดที่ 20.6% ตามด้วย บัตรกรุงศรี (KCC) 19.8%, KTC 16.3% และ CardX 14.7%
สิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มผู้ใช้งานหลักของบัตรเครดิต ยังคงเป็น คนมีรายได้ประจำ กลุ่มชนชั้นกลาง-บน ที่ธนาคารประเมินว่า "ปลอดภัย" ในการปล่อยวงเงินให้
แต่แม้บัตรเครดิตจะเต็มไปด้วยโปรโมชั่น ผ่อน 0% และคะแนนสะสม แต่กระบวนการอนุมัติยัง “ไม่ง่าย” สำหรับทุกคน เพราะเงื่อนไขต่างๆ
- ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ
- ต้องมีสลิปเงินเดือนหรือเอกสารยืนยันรายได้
- และต้องไม่มีประวัติเสียด้านเครดิต
ในอีกด้านหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ กลับมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่แม้มีความสามารถในการผ่อนจ่าย แต่กลับ “ไม่เข้าเกณฑ์” ของธนาคาร
ช่องว่างที่แอปสินเชื่อใหม่ “มองเห็น”
จากรายงานของ LH Bank ระบุว่า ธุรกิจสินเชื่อรายย่อยกำลังเปลี่ยนทิศ ผู้เล่นใหม่อย่าง Finnix, MoneyThunder และ LINE BK กำลังเจาะเข้าช่องว่างที่ธนาคารไม่สามารถลงไปถึง
สิ่งที่ทำให้ฟินเทคเหล่านี้เติบโตอย่างรวดเร็ว คือ …
- ไม่ต้องใช้หลักประกัน
- ไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน
- รู้ผลไว อนุมัติในแอปภายในไม่กี่นาที
- และสามารถเข้าถึงกลุ่ม “อาชีพอิสระ - รายได้ไม่แน่นอน และไม่อยู่ในระบบ
ซึ่งกลายเป็น "ทางเลือกใหม่" ให้กับคนที่อยู่ในสภาวะเงินขาดมือบ่อย ๆ แม้พวกเขาอาจไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
บัตร VS แอป ใครใช้ ต่างกันอย่างไร ?
บัตรเครดิต
- กลุ่มเป้าหมาย : คนมีรายได้ประจำ
- การเข้าถึง : ต้องมีเอกสารรายได้ /ตรวจเครดิต
- ความเร็วในการอนุมัติ : หลายวัน
- จุดขาย : ผ่อน 0% สะสมแต้ม และ โปรโมชั่น
- ดอกเบี้ย : สูงสุด 16% ต่อปี (ตามเพดาน ธปท.)
แอปสินเชื่อ (ฟินเทค)
- กลุ่มเป้าหมาย : คนอาชีพอิสระ /รายได้น้อย
- การเข้าถึง : ไม่ต้องมีเอกสารมาก /ใช้ AI ระบบอัตโนมัติประเมิน
- ความเร็วในการอนุมัติ : ทันทีในแอป
- จุดขาย : เงินด่วน /เข้าถึงง่าย /ไม่ซับซ้อน
- ดอกเบี้ย : สูงกว่า 20-25% ต่อปี ขึ้นกับเงื่อนไข
เมื่อหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่คือ “กลไกอยู่รอด”
จากทิศทางเศรษฐกิจในปี 2567-2568LH Bank คาดการณ์ว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวได้ไม่เร็ว
- รายได้โตช้า
- หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง
แม้จะมีมาตรการผ่อนปรน เช่น ให้จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตเพียง 8% ของยอดค้าง (ขยายถึงสิ้นปี 2568) แต่หากคนยังต้องพึ่งพา “เครดิต” เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้าน ค่าเทอมลูก หรือแม้แต่เงินฉุกเฉินตอนเจ็บป่วย นั่นสะท้อนว่าหนี้กลายเป็น “สิ่งที่คนธรรมดาต้องมี” เพื่อประคับประคองชีวิต
จะเห็นได้ว่า ทั้งหนี้บัตร และหนี้แอป ต่างมีข้อดีข้อเสียแต่สิ่งที่เหมือนกันคือ มันสะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ที่ทำให้คนจำนวนมาก “ไม่มีเงินสดเพียงพอ”และหันมาใช้ “เครดิต” เพื่ออยู่ให้รอดในแต่ละเดือน
สำหรับบางคน การมีบัตรเครดิต คือเครื่องมือทางการเงินสำหรับอีกคน การกดเงินจากแอป คือทางรอดสุดท้ายก่อนสิ้นเดือน และหากจะกล่าวได้ว่า บัตรเครดิตและฟินเทคจะไม่ควรเป็นคำตอบของ “ความเปราะบางทางการเงิน” ที่ฝังรากแต่ควรเป็นสัญญาณเตือนให้เราเริ่มต้นวางแผนและเรียกร้องให้ระบบเศรษฐกิจไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ก็คงไม่ผิดนัก
ที่มา :วิจัย LH
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : "บัตรเครดิต - แอปเงินด่วน” ระบบสินเชื่อยุคใหม่ของคนรายได้น้อย ที่ไม่มีสลิปแต่มีความจำเป็น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดสูตรขึ้นสวรรค์ “บุญก็มี ลดหย่อนภาษีก็ได้” คนไทยบริจาคเก่ง สะพัดปีละ 5.5 หมื่นล้าน
- "บัตรเครดิต - แอปเงินด่วน” ระบบสินเชื่อยุคใหม่ของคนรายได้น้อย ที่ไม่มีสลิปแต่มีความจำเป็น
- หมดยุคอวดรวย เทรนด์ประหยัดกำลังมา 4 นิสัยการใช้จ่ายของ Gen Z จะช็อปทั้งที ราคาต้องถูกและโอนจ่ายได้
- บทเรียนการเงินที่เจ็บ จากความอยากมีอยากได้ สู่เป้าหมายที่ทำได้จริงแบบ “เซ้นต์-ภูม”
- เลิกกันว่าเจ็บแล้ว แต่เป็นหนี้ร่วมเจ็บกว่า! เปิด 3 วิธีจัดการเรื่องเงิน ให้จบแบบไม่เจ็บ
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath