กัมพูชา กับบทพิสูจน์ใหม่ ในโลกไร้สิทธิพิเศษ เมื่อตั้งเป้า เตรียมออกจากกลุ่มประเทศยากจน ในปี 2572
ในขณะที่สายตาของสังคมไทย กำลังจับจ้องไปที่เหตุการณ์ความไม่สงบ ของพื้นที่ ชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ยังไว้วางใจไม่ได้
ดูเหมือน กัมพูชา ก็กำลังดำเนินเกมของตัวเองในสมรภูมิเศรษฐกิจระดับโลกเช่นกัน ด้วยการตั้งเป้า ก้าวออกจาก “กลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด" หรือ LDC (Least Developed Countries) ให้ได้ภายใน 19 ธันวาคม ปี 2572 ซึ่งหมายถึงเหลือเวลาราว 4 ปี เท่านั้น
การเปลี่ยนสถานะนี้ อาจฟังดูเหมือนความก้าวหน้าและความภาคภูมิใจในระดับชาติ แต่ในเชิงเศรษฐกิจ มันคือดาบสองคมที่กัมพูชาต้องแบกรับ
Thairath Money เจาะสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน ที่ปัจจุบัน กลายเป็นคู่ขัดแย้งของไทย พบ ณ สิ้นปี 2567 กัมพูชา มี ประชากรราว 16.9 ล้านคน และ GDP ต่อหัวที่พยายาม ไต่ระดับให้แตะ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 ให้ได้ หรือ ราว 98,063บาท/คน/ปี เฉลี่ย 9,171 บาท/เดือน ซึ่งรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนของกัมพูชา ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าไทยมาก
แม้กัมพูชา จะมีแนวโน้มเติบโตที่น่าจับตาทางเศรษฐกิจ เพราะมีการคาดการณ์ ว่า GDP Growth จะโตแตะ 6.2% ในปี 2569 และมีภาคส่งออก ยังเป็นหัวใจหลัก โดยเฉพาะสิ่งทอ รองเท้า ข้าว และพริกไทย
แต่สิ่งที่อาจเปลี่ยนไปทันที เมื่อพ้นสถานะ LDC คือ สิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่เคยทำให้กัมพูชาเป็นฐานการผลิตสำหรับยุโรปและแคนาดา
UNDP ประเมินว่า หากกัมพูชาออกจากกลุ่ม LDC จริงในปี 2572 จะทำให้เศรษฐกิจ ชะลอลงถึง 1.5% และมีโอกาสสูญเสียงาน 165,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่คือผู้หญิงในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ
หากกัมพูชาตั้งเป้าออกจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด จะได้ - จะเสียประโยชน์ อย่างไร
ข้อดี
- ดึงดูดนักลงทุนที่มองหา "ประเทศพัฒนาแล้ว" มากกว่าประเทศที่ยังพึ่งพาสิทธิพิเศษ
- สร้างภาพลักษณ์ใหม่ในเวทีโลก
- มีอำนาจต่อรองทางการค้าและการเมืองมากขึ้น
ข้อเสีย
- สูญเสียสิทธิพิเศษทางภาษี โดยเฉพาะตลาดยุโรป อังกฤษ แคนาดา
- แรงงานหญิงจำนวนมากเสี่ยงตกงาน
- นักลงทุนบางส่วนอาจย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ยังได้รับสิทธิ LDC เช่น บังกลาเทศหรือเมียนมา
เมื่อไทยไม่ใช่แค่เพื่อนบ้าน แต่เป็น "ด่านแรกของการค้า"
สำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศคู่ค้าชายแดนอันดับต้น ๆ ของกัมพูชา โดย มูลค่าการค้าชายแดนในช่วง ม.ค.-พ.ค. 2568 แตะถึง 83,844 ล้านบาท (โต 11.27%)
- ไทยส่งออกไปกัมพูชา: 63,453 ล้านบาท
- ไทยนำเข้า: 20,390 ล้านบาท
แต่การออกประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจากไทยบางรายการ เช่น ผัก-ผลไม้ และน้ำมันเชื้อเพลิง จากความขัดแย้ง โดยกรมศุลกากรกัมพูชาเมื่อ 16 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา บ่งชี้ถึงแรงสะเทือนทางการค้า ที่เริ่มลามจากการเมืองสู่เศรษฐกิจจริงของกัมพูชาเอง
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตา คือ การเร่งโครงการทางด่วนมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ จาก พนมเปญ-เสียมราฐ-ปอยเปต โดยทุนจีน (CRBC) ที่สะท้อนถึงการเตรียมพร้อมเชิงโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างจริงจัง
เส้นทางนี้อาจกลายเป็น "สายเลือดเศรษฐกิจใหม่" ที่เปิดทางให้กัมพูชาเชื่อมต่ออาเซียนได้อย่างแข็งแรงขึ้น ท่ามกลางแรงเสียดทานที่เพิ่มขึ้นจากหลายทิศ
หรือ จะเป็นกรณี การปรับลด e-Visa ตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว อาจเป็นการชดเชยรายได้และการจ้างงานจากการสูญเสียสิทธิทางภาษี แต่คำถามใหญ่คือ กัมพูชาพร้อมหรือยังกับ “โลกที่ไม่มีสิทธิพิเศษ”? เพราะการพ้นจาก LDC นั้น ไม่มีทางกลับหลังได้ และสิทธิที่หายไป ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเรียกคืนได้ง่าย
สุดท้ายดูเหมือน กัมพูชากำลังเดินบนเส้นด้ายของความทะเยอทะยาน กับบทพิสูจน์ว่า “เศรษฐกิจโต” ไม่ได้แปลว่า “ทุกคนจะดีขึ้น” เสมอไป ในห้วงเวลาที่โลกจับตา… และเพื่อนบ้านเริ่มหันหลังให้กัน กัมพูชากำลังเล่นเกมเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าครั้งใด ในประวัติศาสตร์ประเทศของตน
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กัมพูชา กับบทพิสูจน์ใหม่ ในโลกไร้สิทธิพิเศษ เมื่อตั้งเป้า เตรียมออกจากกลุ่มประเทศยากจน ในปี 2572
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สรุปกองทุน Thai ESGX ลดหย่อนภาษี รองรับ LTF คาดตั้งกองได้ เม.ย.นี้ โบรกฯ ชี้ มาทันเวลาช่วยพยุงตลาด
- กัมพูชา กับบทพิสูจน์ใหม่ ในโลกไร้สิทธิพิเศษ เมื่อตั้งเป้า เตรียมออกจากกลุ่มประเทศยากจน ในปี 2572
- ผ่านฉลุย สภาเสียงท่วมท้นรับหลักการ “หวยเกษียณ”
- ผ่อนเกณฑ์ “ซื้อหุ้นคืน” เริ่ม พ.ค.นี้ ตลท. ปลุกตลาด ชู "TISA" ส่งเสริมออมหุ้นระยะยาว
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath