กต.นำทูต 36 คนลงพื้นที่ศรีสะเกษ ดูจุดกัมพูชาวางทุ่นระเบิด ย้ำชายแดนไทยปกติ
เวลา 07.30 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กทม. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่ จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่าง สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม
ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทาง กระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลก่อนออกเดินทาง ให้แก่คณะ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูตว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่ของ คณะทูตและผู้แทน จุดแรกจะเดินทางไปยัง โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้น กระทรวงต่างประเทศจะนำคณะทูตและสื่อมวลชน ขึ้นไปยังภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ
"ไทยคู่ฟ้า" สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา 7 จังหวัด เหตุการณ์ปกติ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด เหตุการณ์ปกติ โดยกองทัพไทยยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นทั้ง 11 พื้นที่ และวางรั้วลวดหนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอธิปไตยของไทยไม่ให้ใครล่วงล้ำเข้ามา
ในวันนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ จะนำคณะทูต จากสถานทูตต่างประเทศ ประจำประเทศไทยจำนวน 34 คน จาก 34 ประเทศและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ จำนวน 2 คน รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 20 สำนักข่าว และสื่อท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสังเกตการณ์การเก็บกู้ทุ่นระเบิดและติดตามสถานการณ์ความเสียหายของพื้นที่พลเรือนจากเหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (Field Visit to observe the situation regarding anti-personnel landmines) ด้วย
ทั้งนี้ คณะทูตฯ รวมทั้ง สื่อมวลชน จะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพื้นที่จริงด้วยตนเอง และจะได้เห็นกระบวนการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม รวมทั้งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากกับระเบิดด้วย