‘คลาวเดีย จักรพันธุ์’ เสียงสั่นยอมรับยื่นฟ้องหย่าสามี เผยสุดทรมานหลังโดนนอกใจ
จากกรณีข่าวลือเรื่องชีวิตรักที่สั่นคลอนของนักแสดงชื่อดัง “คลาวเดีย จักรพันธุ์” กับสามีนักธุรกิจชาวพม่า ล่าสุดเธอได้เปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในงาน GALA PREMIERE ภาพยนตร์เรื่อง "โศกาภิวัฒน์" โดยเผยถึงเรื่องราวความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญอยู่เพียงลำพังตลอด 1 ปีเต็ม
“ตอนนี้ระหว่างเรากับสามีก็ยังคงสถานะสามีภรรยาอยู่ ยังไม่ได้ถึงกระบวนการนั้น คืออยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว จริงๆ ที่โพสต์ก็ขอบคุณทีมงาน แต่จริงๆ ก็ได้ไปหลายรอบแล้วเพื่อไกล่เกลี่ย แต่ก็ยังไม่มีใครมา แต่คลาวเดียก็ยังพร้อมเปิดใจที่จะไกล่เกลี่ยอยู่ก่อนถึงขั้นตอนต่อไป คือเราเข้าใจความทุกข์ เพราะว่าปีที่แล้ว 2024 เราค่อนข้างหนัก เราอยู่กับสามีเรามา 17 ปี ซึ่งมันก็เกือบสองทศวรรษ
เรื่องนี้เรารู้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เราก็ทุกข์อยู่คนเดียวไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะไม่อยากจะเอาพลังงานที่ไม่ดีไปให้ใครรับรู้ ก็ร้องไห้อยู่ มีหมอนเป็นเพื่อน ร้องไห้จนน้ำตาท่วมหมอน พลิกหมอนกลับไปกลับมา จนเราเก็บไม่ไหวแล้วเพราะข้างในมันแย่ แล้วงานเราก็เยอะ เราก็เหมือนเริ่มที่จะไปต่อไม่ได้ ก็เลยต้องปรึกษาเพื่อนสนิทแค่สองคน เสร็จแล้วก็ต้องไปหาคุณหมอเพราะไม่สามารถที่จะนอนหลับได้ ก็เลยต้องไปหาคุณหมอ ทั้งคุณหมอประจำตัวและคุณหมอจิตแพทย์ แล้วก็เข้าใจว่าความทุกข์เป็นยังไง ก็เลยไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะตอนนั้นไม่มีใครรู้ เขาก็ไม่รู้ว่า คลาวเดียรู้แค่นั้นเอง พอเขารู้ เราก็ไม่รู้ว่าใครทุกข์เท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้เราอยากที่จะมูฟออน แล้วก็สวดมนต์แผ่เมตตาให้ ก็อโหสิกรรมให้ ความทุกข์มันไม่มีใครดับได้นอกจากตัวเราเอง
เรามีความรู้สึกว่าจากธันวาคมปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ เราค่อยๆ เข้าใจว่ามันก็คือเรื่องธรรมดา เราไม่อยากให้อีกทั้งสองคนและครอบครัวของเขาต้องมาทุกข์เหมือนที่เราเคยเป็นปีที่แล้ว เราเชื่อว่าพอมาถึงจุดนี้เขาก็ต้องทุกข์ เราไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้ เราก็เลยคิดว่าถ้าเรามาหาตรงกลางด้วยกัน แล้วนี่ยื่นจัดการทุกอย่างให้เสร็จ เราก็จะได้แยกย้ายกันไปและไปมีชีวิตใหม่ที่ดี ไปมีงานที่ดีโดยที่ไม่ต้องเครียด เพราะเราเข้าใจ เราเครียดมาตลอด 365 วัน เราเข้าใจว่ามันเป็นยังไงแต่เขาไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าเรารู้แค่นั้นเอง
ซึ่งเรื่องมันเกิดตั้งแต่มกราคมต้นปีที่แล้ว แล้วคลาวเดียว่าถ้าคนอยู่กันมานานมันก็ต้องทราบถึงความห่างเหิน เมื่อเราทราบชัดเจนตอนเดือนกันยายน เราก็เริ่มพยายามที่จะคุย แต่ว่าเราก็ได้รับการปฏิเสธและถูกเบี่ยงเบนประเด็น เราก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ก็พยายามไปประมาณห้ารอบ บางทีเราร้องไห้ เราก็ไม่ได้ถูกเห็นอกเห็นใจ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องปรึกษาเพื่อน แล้วก็ตัดสินใจว่าเราต้องเดินต่อจริงๆ เราไม่ได้เสียดายเวลาเลยนะคะ เพราะว่า 16 ถึง 17 ปีที่ผ่านมาเป็นเวลาดีๆ ที่เรากับสามีมีมากมายเหลือเกิน ความทรงจำดีๆ มันเยอะจริงๆ แต่ว่าเราเข้าใจแล้วเราก็เลยบอกว่าเราควรจะกลับมารักตัวเองและปล่อยทุกคนออกไป จะได้มีชีวิตที่ดีแค่นั้นเอง”
คลาวเดีย เผยว่า “แล้วตอนนี้เราไม่ได้คุยกับสามีเลย แต่ก่อนหน้าที่จะมูฟออนก็พูดกัน แต่เราได้รับการปฏิเสธในการที่เราจะคุยกันเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นการฟ้องหย่าด้วย ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการยุติธรรม เราก็อยากให้ไกล่เกลี่ยเพราะยังมีเวลาอยู่ แต่ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ไกล่เกลี่ยแล้ว มันก็จะเข้าสู่กระบวนการ ก็ต้องดูตามข้อเท็จจริง เรากับทางทีมทนายที่เป็นกัลยาณมิตรกัน ทางเราได้เตรียมตัวกันอย่างเต็มที่จริงๆ เราอยากให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น เราจะพูดตรงนี้เป็นครั้งสุดท้าย เราจะไม่บอกว่าจะไปวันไหนหรืออะไรยังไง เพราะจริงๆแล้วเราก็ไม่ให้ครอบครัวของเราไปด้วยนอกเหนือจากทนาย เราอยากให้ทุกอย่างเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
ส่วนกระบวนการจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แต่ถ้าดูจากไทม์ไลน์ก็น่าจะตัดสินชั้นต้นภายในปีนี้ ส่วนรายละเอียดหลังจากการแยกย้าย อันนี้เราขอไม่พูดดีกว่า เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ แต่ตอนนี้เราโอเคมากแล้วตั้งแต่มกราคมก็ค่อยๆ ดีขึ้น อย่างที่บอก คลาวเดียกลัวว่าทั้งสองฝ่ายกำลังทุกข์อย่างที่คลาวเดียทุกข์ เพราะว่าเราคิดว่ามันเครียด พอเขารู้ว่าเรารู้ เขาก็ต้องเครียด ถ้าไม่เครียดเราก็คิดว่าค่อนข้างแปลก แต่เราก็เป็นห่วงทางครอบครัวด้วย เราเข้าใจเพราะเราเป็นอย่างนั้นมาปีนึงแล้ว เพราะมันบั่นทอนทั้งร่างกายและสุขภาพจิต ซึ่งเราก็ไม่อยากให้เขาเป็นอย่างที่เราเป็น เลยรู้สึกว่าถ้าเราแยกย้ายกันเร็ว เราจะได้ไปใช้ชีวิตที่สวยงามกันต่อ
กว่าที่เราจะผ่านมาได้ เราก็ค่อนข้างสะเทือนใจ เพราะว่าเราอยู่ด้วยกันมานาน เรามีความทรงจำที่ดีกันเยอะจริงๆ ซึ่งเราก็จะเก็บไว้อยู่ เพราะเราเลือกที่จะเก็บมันเป็นประสบการณ์ที่ดีและเราก็จะไม่ลืมมัน ความรักก็คือยังเป็นสิ่งสวยงามแค่ตัดไปเราก็โฟกัสที่งานแล้วก็คงต้องเลือกแล้วแหละว่าต่อไปเราคงดูคน เราไม่ได้ดูคนที่สถานะทางสังคม เราดูที่ความจริงใจ อาจจะต้องใช้เวลาดูกันนานหน่อยแค่นั้นเอง แต่ตอนนี้เรามุ่งแค่งานและครอบครัวของเรา ถ้าจะมีใหม่ก็ขอให้มีศีลเสมอกัน เราไม่ได้ปิดใจ ในโลกนี้มีอะไรสวยงามรอบตัวเราหมด เราคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติในทุกยุคทุกสมัย เราต้องผ่านมันไปให้ได้ ทุกข์มันมีสุขมันก็มี ชีวิตมันขึ้นลงไม่ว่าอะไรก็ตาม อย่างที่บอกก็อยากให้ทุกคนหายทุกข์ ไม่อยากให้ทุกคนเป็นเหมือนเราหมายถึงอีกสองฝั่งค่ะ ก็เลยคิดว่าทำไมเราไม่มาคุยกันแล้วหาทางออกด้วยกันแล้วก็รีบไปทำงานกัน ส่วนเหตุผลของเขาคลาวเดียก็ไม่ทราบเลย แต่เรื่องคดีความก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว”