ศบ.ทก.ยันคลิปทหารเขมรวาง PMN-2 ของจริง ซัดละเมิดออตตาวาร้ายแรง
วันนี้ (20 ส.ค.2568) ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) จัดแถลงข่าว โดยมี พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และประเด็นสำคัญเกี่ยวกับหลักฐานการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชา
พล.ร.ต.สุรสันต์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนโดยทั่วไปอยู่ในภาวะปกติ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาในพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่ยืนยันชัดเจนว่าทหารกัมพูชาลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ในเขตแดนไทย คลิปดังกล่าวบันทึกวันที่และสถานที่ชัดเจน พร้อมเสียงภาษาขแมร์ที่สาธิตวิธีใช้ทุ่นระเบิดก่อนนำไปฝัง
หลักฐานนี้ถือเป็นการยืนยันพฤติกรรมของกัมพูชาที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างเด็ดขาด และขัดต่อข้อตกลงหยุดยิงจากการประชุม GBC ศบ.ทก. ได้ส่งหลักฐานดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการยื่นต่อคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวาในการประชุมวันศุกร์ที่ 22 ส.ค. เพื่อแสดงถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา
นางมาระตี กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาที่บิดเบือนว่าคลิปดังกล่าวเป็นการจัดฉากโดยฝ่ายไทย โดยอ้างว่านักแสดงสวมชุดทหารกัมพูชา ยืนยันว่าคลิปนี้เป็นของจริง และจะใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการชี้แจงต่อคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและความจริงใจของฝ่ายไทย
พล.ร.ต.สุรสันต์ รายงานถึงการปฏิบัติงานของ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) จาก 8 ประเทศอาเซียน ระหว่างวันที่ 18-20 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง GBC ดังนี้
18 ส.ค. IOT เข้ารับฟังการบรรยายสรุปที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 จ.อุบลราชธานี โดยมี รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนชี้แจงสถานการณ์ชายแดน และพบปะผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
19 ส.ค. IOT ลงพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี พบว่ากัมพูชารุกล้ำเข้ามาตัดลวดหนามที่ฝ่ายไทยติดตั้งเพื่อป้องกันการล่วงล้ำเขตแดน จากนั้นเดินทางไปผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ เพื่อตรวจสอบร่องรอยการยิงจรวด BM-21 จากฝ่ายกัมพูชา ซึ่งก่อความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย
IOT ยังเยี่ยมฐานกฤษณา บริเวณภูมะเขือ ซึ่งเป็นจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด และพบทุ่นระเบิด PMN-2 เพิ่มเติม ฝ่ายไทยยังช่วยส่งศพทหารกัมพูชาที่ตกค้างในพื้นที่กลับไปยังกัมพูชา หลังจากการเจรจาที่สำเร็จ20 ส.ค. IOT เดินทางไปตรวจสถานที่ควบคุมเชลยศึกกัมพูชา 18 คน ตามอนุสัญญาเจนีวา และเยี่ยม รพ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งได้รับความเสียหายจากจรวด BM-21 รวมถึงจุดจุบตะโมก ที่ทหารพรานกองร้อยที่ 2610 เหยียบทุ่นระเบิด
พรุ่งนี้ (21 ส.ค.) กองทัพไทยจะจัดการประชุมสรุปผลการปฏิบัติของ IOT และจัดตั้งสำนักงานประสานงานกับ IOT ที่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยใช้สำนักงานผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทยเป็นศูนย์กลางประสานงาน
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวถึงพื้นที่ บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวในความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา พื้นที่นี้เคยเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยกัมพูชาที่หนีสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปี 2518 ตามคำร้องขอของ UNHCR และหลักมนุษยธรรม ประเทศไทยอนุญาตให้ผู้อพยพหลายแสนคนพักพิงชั่วคราวในเขตแดนไทย อย่างไรก็ตาม หลังสงครามสิ้นสุด ผู้อพยพส่วนใหญ่กลับกัมพูชา แต่บางส่วนยังคงอยู่ในพื้นที่และตั้งชุมชนรุกล้ำเขตแดนไทย ซึ่งขัดต่อบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543
ศบ.ทก. ยืนยันว่าบ้านหนองจานเป็นเขตอธิปไตยไทย 100% และมองว่ากัมพูชาใช้ประชาชนเป็น "กำแพงมนุษย์" เพื่อยั่วยุและสร้างความตึงเครียดบริเวณชายแดน ฝ่ายไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ผ่านกลไกทวิภาคี เช่น คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) มากว่า 10 ปี แต่กัมพูชายังคงไม่แสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา การรุกล้ำนี้ไม่เพียงละเมิดอธิปไตยไทย แต่ยังกระทบต่อประชาชนไทยที่เคยทำกินในพื้นที่ จนต้องอพยพออกไป
พล.ร.ต.สุรสันต์ ย้ำว่าการติดตั้งลวดหนามของไทยในพื้นที่ชายแดน เช่น ช่องอานม้าและบ้านหนองจาน เป็นการปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทย รวมถึงป้องกันการลักลอบวางทุ่นระเบิดจากกัมพูชา การกระทำนี้สอดคล้องกับข้อตกลง GBC ที่ห้ามการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารนอกเขตแดนของแต่ละฝ่าย เขายืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย 100% และการติดตั้งลวดหนามไม่ใช่การละเมิดข้อตกลงแต่อย่างใด
อ่านข่าวอื่น :