แม่แทบช็อก ไม่ได้คุยลูกชายวันเดียว รู้ข่าวเหยียบทุ่นระเบิด
13 ส.ค. – แม่แทบช็อก เผยไม่ได้คุยกับลูกชายวันเดียว รู้ข่าวเหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บสาหัสที่ข้อเท้าซ้าย ขณะลาดตระเวนบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์
เหตุการณ์ทหาร 7 นาย ลาดตระเวนบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ แล้วเหยียบทุ่นระเบิดของกัมพูชา ที่ลอบวางไว้ จนทำให้ สิบเอก ธีรพล เพียขันที ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 บาดเจ็บสาหัสที่ข้อเท้าซ้าย รักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ได้ไปตรวจสอบตามแนววางลวดหนามบริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งจุดที่ทหารลาดตระเวนอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำ ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้ากัมพูชาจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่า ช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่ากัมพูชาสลักลอบมาวางกับระเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิงเพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอน หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล ซึ่ง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ขอข้อมูลเร่งด่วนเพื่อทำการประท้วงฝ่ายกัมพูชาต่อไป และจะนำเรื่องนี้ พูดในที่ประชุม RBC ไทย-กัมพูชาครั้งต่อไปด้วย แต่เชื่อว่ากัมพูชาคงไม่ยอมรับเหมือนที่เขาพูดใน GBC
หากว่ากัมพูชาไม่ยอมร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดและทหารไทยเหยียบระเบิดแบบนี้ต่อไป พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ถ้าเหตุการณ์สงบ ก็ต้องให้ศูนย์เก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมเข้ามาดำเนินการเก็บกู้ แต่ถ้าไม่สงบก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องตอบโต้ด้วยกำลัง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องหน้างาน การเจรจาก็เจรจาไป เรามีสิทธิปกป้องและคุ้มครองกำลังพลเช่นกัน
ขณะนี้ได้มีการปรับแผนในการลาดตระเวน เพื่อให้กำลังพลไม่ต้องไปเสี่ยงกับทุ่นระเบิดโดยเพิ่มการใช้กล้องวงจรปิด และใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าเคลียร์เส้นทางลาดตระเวนและเพิ่มการเฝ้าตรวจในระยะไกลขึ้นมาอีกสเต็ป
วันแม่แทบช็อก ไม่ได้คุยลูกชายวันเดียว รู้ข่าวเหยียบทุ่นระเบิด
ขณะที่วานนี้ (12 ส.ค.) เป็นวันแม่ ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของสิบเอก ธีรพล ภายในบ้านมีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาให้กำลังใจคุณแม่สาคร อายุ 78 ปี แม่ของสิบเอก ธีรพล จำนวนมาก
แม่สาคร เล่าว่า ลูกชายเป็นทหารพรานได้เกือบ 30 ปีแล้ว ทุกครั้งที่ลูกชายจะไปทำงานตามชายแดนหรือกลับจากชายแดนจะเข้ามากราบเท้าแม่ แล้วเอาเท้าแม่เหยียบที่หัว และจะฉีกเอาชายผ้าถุงของแม่ติดตัวไปด้วย ครั้งล่าสุดหลังจากมีคำสั่ง ลูกชายได้เก็บรถ เก็บข้าวของ แล้วเดินทางไปตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งลูกชายจะโทรศัพท์มาคุยด้วยทุกวัน เพิ่งคุยครั้งล่าสุดวันที่ 11 ส.ค. ลูกชายบอกว่าสบายดี ไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะหยุดรบแล้ว แต่ไม่คิดว่าเพียงข้ามคืนกลับได้รับข่าวว่าลูกชายเหยียบทุ่นระเบิดขาขาด ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ดีใจที่ลูกชายได้รับใช้ชาติ ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจพบทุ่นสภาพใหม่พร้อมระเบิด
ขณะที่เพจกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความว่า กองทัพภาคที่ 2 ส่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด และพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เกิดเหตุที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตะโมก พื้นที่ปราสาทตาเหมือนธม ผลการพิสูจน์ 100% เป็นทุ่นระเบิด PMN-2 และพบเพิ่มเติมอีก 3 ทุ่น ซึ่งอยู่ใน ‘สภาพใหม่’ พร้อมใช้งาน อยู่ในเขตอธิปไตยของไทย
ด้านเพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ข้อความว่า เมื่อทุ่นระเบิดคืออาวุธแบบรอเวลา สรุปใครใช้อาวุธก่อน? จุดเกิดเหตุที่พบทุ่น คือบริเวณด้านซ้าย ห่างประมาณ 2 เมตร ด้านขวาห่างประมาณ 2 เมตร ด้านหน้าห่างประมาณ 5 เมตร ทั้งหมดเป็นทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 กัมพูชา จงใจ!! สร้างภัยคุกคามต่อชีวิตและความปลอดภัย
นอกจากนี้เพจกองทัพบก ทันกระแส ยังโพสต์ข้อความ “หากจำเป็น กองทัพพร้อมใช้สิทธิป้องกันตนเอง กระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงตอบโต้กรณีกองทัพบก ประเทศไทยรายงานข่าวทหารพรานเหยียบกับระเบิดขาขาด บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 คาดว่ากัมพูชาลอบวางไว้
“มาลี” โต้ไทย ยืนยันกัมพูชาไม่มีกับระเบิด
พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาขอปฏิเสธอย่างแข็งขันต่อข้อกล่าวหาใดๆ ที่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนและไม่มีมูลความจริงจากฝ่ายไทยกรณีการบาดเจ็บของทหารไทยที่เกิดจากการระเบิดของทุ่นระเบิด บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2568
กัมพูชาแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ว่ากัมพูชาจะไม่ใช้หรือวางกับระเบิดใหม่โดยเด็ดขาด กัมพูชาเป็นรัฐภาคีในอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งให้สัตยาบันในปี 2542 และได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศสำหรับความพยายามทำลายทุ่นระเบิดทั้งในและต่างประเทศ
กัมพูชาตั้งข้อสังเกตว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการและโปร่งใส เพื่อระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ นอกจากนี้กัมพูชายังได้เตือนประเทศไทยหลายครั้งว่าพื้นที่เหล่านี้ยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงคราม ทุกฝ่ายควรงดเว้นการสรุปผลต่อสาธารณะก่อนที่จะค้นหาความจริง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจเพิ่มความตึงเครียดและการเผชิญหน้า
ไทยโต้กลับกัมพูชา ยืนยันมีหลักฐานชัดเจน
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ออกมาตอบโต้ พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ทันที ยืนยันอย่างชัดเจนว่า กัมพูชายังคงมีทุ่นระเบิดอยู่ในครอบครองจำนวนมาก และได้ลักลอบนำมาวางในพื้นที่ต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อมุ่งทำร้ายฝ่ายไทย ทั้งที่กัมพูชาเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และได้ให้สัตยาบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 แต่กลับนำมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของฝ่ายไทย พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ในเหตุครั้งนี้เป็นชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่พบในหลายพื้นที่ที่กัมพูชาลักลอบติดตั้งเพื่อทำร้ายกำลังพลไทยมาโดยตลอด
“ข้ออ้างของกัมพูชาว่าพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามในอดีต เป็นเพียงการปฏิเสธที่ขาดน้ำหนัก เนื่องจากหลักฐานเชิงประจักษ์ในทุกจุดเกิดเหตุชี้ชัดว่าพื้นที่โดยรอบบริเวณที่เกิดการเหยียบทุ่นระเบิดจะพบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 อีก 3-5 ลูก ในสภาพที่เพิ่งถูกติดตั้งใหม่อย่างชัดเจน ทั้งที่หากเป็นทุ่นเก่าจากสงครามในอดีต จะเป็นชนิดอื่น ไม่ใช่ทุ่นระเบิดแบบ PMN-2”
ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณะ ทั้งที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน เพื่อความเป็นธรรมต่อผู้รับฟังข่าวสาร และเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ตามมติคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ข้อ 9 ซึ่งกำหนดให้งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม
กต.ประท้วงกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ประท้วงครั้งที่ 4 ในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากความไม่สุจริตใจของฝ่ายกัมพูชา การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ขัดต่อหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ และละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน ไทยจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาฯ โดยทันที
กองทัพภาค 2 ขอรับสนับสนุน “ลวดหนามหีบเพลง” จำนวนมาก
ขณะที่เพจ ‘กองทัพภาคที่ 2’ ประชาสัมพันธ์ขอรับการสนับสนุน “ลวดหนามหีบเพลง” จำนวนมาก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 100 ซม. เพื่อใช้ประโยชน์ในการป้องกันอธิปไตยของไทย ผู้ประสงค์ให้การสนับสนุนติดต่อได้ที่ พันโท สุริยาวุธ สุกเหลือง ฝ่ายกิจการพลเรือน กองกำลังสุรนารี อ.เมือง จ.สุรินทร์.-สำนักข่าวไทย