TISCO สินเชื่อรถยนต์ฟื้นตัว มองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
#TISCO #ทันหุ้น – TISCO ชี้ครึ่งปีหลังเติบโตอย่างช้าๆ ยังคงเน้นขยายสินเชื่อที่มีความเชี่ยวชาญ ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของสินเชื่อรถยนต์ คาดผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยจะเน้นสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง (High Yield Loan) ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถมือสองและมอเตอร์ไซค์ ขณะที่ประเด็นเรื่องการยกเลิก Flat Rate มองว่าไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจธนาคาร
นายชาตรี จันทรงาม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า การเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะยังคงเป็นไปอย่างช้า ๆ ไม่ได้มีการปรับตัวดีขึ้นมาก แต่ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ดูเหมือนจะลดลง โดยเฉพาะเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่มีความชัดเจต โดยกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทมุ่งเน้นทั้งการจัดการพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งเน้นไปที่สินเชื่อที่มีความเชี่ยวชาญและให้ผลตอบแทนเหมาะสมกับความเสี่ยง
โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงงานไฟฟ้า คาดว่าจะยังคงมีโมเมนตัมการเติบโตได้พอสมควรในปีถัดไป แม้ความต้องการลงทุนอาจลดลงเล็กน้อย
@เน้นสินเชื่อผลตอบแทนสูง
ในส่วนที่เป็นพอร์ตสินเชื่อรายย่อยอย่า สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ แม้ตลาดรถยนต์โดยรวมจะลดลง แต่เริ่มเห็นสัญญาณบวกและการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มองว่าอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและตลาดจะเริ่มฟื้นตัวช้า ๆ ในครึ่งปีหลังและต่อเนื่องถึงปีหน้า ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มนี้ โดยสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง (High Yield Loan) ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถมือสองและมอเตอร์ไซค์ จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเติบโตในระยะยาว
ขณะที่สินเชื่อจำนำทะเบียน ยังชะลอการเติบโตลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่และควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในภาวะที่หนี้ครัวเรือนเปราะบาง และจะกลับมาเร่งการเติบโตอีกครั้งเมื่อเห็นสัญญาณคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น
ทางด้านการเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจที่ยังคงเติบโตได้ดี ทั้งธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยเฉพาะในกลุ่มกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ซึ่งธนาคารยังคงเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม, ธุรกิจนายหน้าประกันภัย เริ่มฟื้นตัวตามยอดขายรถยนต์ใหม่ที่กลับมาดีขึ้น
@ไม่กระทบยกเลิก Flat Rate
ทั้งนี้เรื่องแนวโน้มดอกเบี้ยมองว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยนโยบายอีกประมาณ 2 ครั้ง ภายในปีนี้ถึงต้นปีหน้า จากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางและหนี้ครัวเรือนที่สูง โดยปกติทางธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ในส่วนของพอร์ตสินเชื่อประมาณ 65% จะไม่ปรับราคาลงตามอัตราดอกเบี้ยตลาด ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลงโดยเฉลี่ย หากดอกเบี้ยลดลงทุก 0.50 บาท อาจส่งผลให้ส่วนต่างเพิ่มขึ้นประมาณ 0.20-0.25 บาท
อย่างไรก็ดีในส่วนประเด็นเรื่องของการขอยกเลิกคิดอัตราดอกเบี้ยธุรกิจเช่าซื้อแบบ Flat Rate ซึ่งทางธนาคารไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพราะในการทำธุรกิจได้พยายามแปลง Flat Rate ให้เป็น IRR (Internal Rate of Return) ที่ชัดเจนอยู่แล้ว