รักชาติเรา…โดยไม่เกลียดชาติอื่น: บทเรียนจากคุณครูตะวัน
ในยุคที่สังคมไทยกำลังเผชิญกับความตึงเครียดจากหลากหลายด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หนึ่งในคลิปสั้นบน TikTok ที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง คือคลิปของ "คุณคุณครูตะวัน" ที่แสดงให้เห็นถึงพลังของความเมตตา ความเข้าใจ และวิธีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์กับเด็กเล็กในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน
เหตุการณ์ในคลิป: สะท้อนภาพสังคมผู้ใหญ่ผ่านสายตาเด็ก
เด็กๆกลุ่มหนึ่งนำธงชาติกัมพูชามาทำลาย และพูดถ้อยคำรุนแรงอย่าง“เหยียบแม่งเลย” “เผาทิ้งแม่งเลย” พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กๆ คิดขึ้นเอง แต่เป็นสิ่งที่พวกเขา จำ มาจากผู้ใหญ่ในสังคมไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว สื่อออนไลน์ หรือบทสนทนารายวันรอบตัวพวกเขา ข้อความเหล่านี้ แม้เพียงคำไม่กี่คำ กลับแฝงด้วยชุดความคิดที่อันตราย เป็นสารตั้งต้นของการเหยียดเชื้อชาติ (Racial Discrimination) และสามารถนำไปสู่การ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) หากไม่หยุดยั้งและแก้ไขตั้งแต่ราก
คุณครูผู้หยุดวงจรอันตรายด้วยความสงบ
ในขณะที่สถานการณ์อาจดูเหมือนควรรีบตำหนิ หรือลงโทษเพื่อ"ให้หลาบจำ" แต่คุณครูตะวันกลับเลือกวิธีที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง "สอนด้วยความเย็นใจ"
การพูดคุยกับเด็กๆอย่างใจเย็น ถามคำถามปลายเปิด และพาเด็กค่อยๆสะท้อนสิ่งที่ตนเองทำ เป็นวิธีที่ทรงพลังกว่าการดุด่าหรือใช้กำลัง ครูไม่ได้บังคับให้เด็ก "รู้สึกผิด" แต่ใช้กระบวนการSelf-Reflection เพื่อให้เด็ก เข้าใจด้วยตัวเอง ว่าสิ่งที่ทำไม่เหมาะสม และเราควรเลือกเป็นคนแบบไหนในสังคม
“หนูอยากเป็นคนดีไหม?”
“ถ้าเรารู้ว่าสิ่งนี้ไม่ดี เราควรทำอีกไหม?”
คำถามเรียบง่ายเหล่านี้กลับนำทางเด็กไปสู่คำตอบที่มีความหมายยิ่งใหญ่
สิทธิเด็กและความใส่ใจที่ควรได้รับการยกย่อง
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมไม่แพ้กันคือการที่คุณครูเข้าใจถึงเรื่อง สิทธิของเด็ก อย่างลึกซึ้ง ไม่มีภาพหน้าเด็กติดอยู่ในคลิปเลย การเลือกถ่ายเพียงตนเองเพื่อปกป้องDigital Footprint ของเด็กในอนาคต แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจที่ไม่ใช่แค่ในฐานะครู แต่ในฐานะ“ผู้ใหญ่” ที่พร้อมปกป้องพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กเติบโต
สื่อดีหนึ่งนาที อาจเปลี่ยนทิศทางของชีวิตเด็กได้
แม้เราจะไม่มีทางรู้ได้ว่า เด็กๆเหล่านี้จะเติบโตไปในทิศทางใด แต่การที่เขาเคยได้รับ"ข้อความที่ดี" ไว้ในหัวใจ อย่างน้อยก็เป็น“เมล็ดพันธุ์ของความฉุกคิด” ที่อาจเบ่งบานในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าวันหนึ่งที่เขาต้องเลือกว่าจะแก้ปัญหาด้วยความเกลียดชัง หรือด้วยความเข้าใจ
เด็กเรียนรู้จากผู้ใหญ่ แล้วใครจะเป็นแบบอย่างให้พวกเขา?
เรื่องน่าเศร้าคือ หลายครั้งผู้ใหญ่ในสังคมเองยังไม่สามารถสะท้อนความคิดเหล่านี้ได้ด้วยซ้ำ ยังคงเลือกใช้ความรุนแรงทางคำพูด ยังเหยียดเชื้อชาติ ยังเชียร์สงคราม แล้วแสดงออกต่อหน้าเด็กโดยไม่รู้ตัว เด็กๆไม่เพียงได้ยิน แต่ ซึมซับและเลียนแบบ
เราจึงจำเป็นต้องกลับมาทบทวนตนเอง เราเคยพูดอะไรที่เป็นพิษให้เด็กได้ยินโดยไม่ตั้งใจหรือไม่? เราเคยส่งเสริมความเกลียดชังด้วยคำพูดแบบขำๆที่กลายเป็นบาดแผลถาวรในใจเด็กหรือเปล่า?
รักชาติได้ โดยไม่ต้องเกลียดชาติอื่น
รักชาติไม่ใช่การปลุกความเกลียดชังใส่ผู้อื่น ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างให้ประชาชนซึ่งมีชีวิตประจำวันเหมือนกันทุกชาติ ทุกศาสนา ต้องมองกันด้วยสายตาแห่งความเกลียดชัง
เราเชื่อว่าเด็กสามารถรักชาติไทยได้ โดยไม่ต้องเหยียดหรือเกลียดชาติอื่น และการปลูกฝังแนวคิดเช่นนี้ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ ผ่านผู้ใหญ่ที่เป็นแบบอย่าง ผ่านครอบครัวที่ใส่ใจ และผ่านครูแบบคุณตะวันที่สอนด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่ความรู้
หากมีครูแบบคุณตะวันมากขึ้น เด็กๆเหล่านี้อาจเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีหัวใจใหญ่พอ ไม่เพียงรักแผ่นดินตัวเอง แต่ยังเคารพในความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นด้วย และบางที วันหนึ่งพวกเขาอาจเป็นคนที่เตือนสติผู้ใหญ่ได้ด้วยซ้ำ
ขอบคุณครูตะวัน https://vt.tiktok.com/ZSS9Tos6f/