อสังหาฯ ภูเก็ต โตแรงทั้งตลาดซื้อ-เช่ารับนักลงทุนทั่วโลก
ภูเก็ต ผงาดจุดหมายปลายทางระดับโลก หนุนส่งอสังหาฯ โตแรงรับนักลงทุนใหม่และผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยระยะยาว กฎหมายสมรสเท่าเทียมและโครงสร้างพื้นฐานหนุนความเชื่อมั่นต่างชาติ ราคาที่ดินพุ่งกว่า 700% ในรอบ 20 ปี ตลาดเช่าพูลวิลล่าเซ็กซี่ พุ่ง 8 แสนถึงล้านบาท
[caption id="attachment_189072" align="aligncenter" width="1000"]
นายภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)[/caption]
นายภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภูเก็ตมีคาแรคเตอร์พิเศษที่น่าสนใจคือหลังวิกฤติจะมี New s-curve เสมอ ไม่ว่าจะหลังสึนามิหรือหลังโควิดภูเก็ตกราฟชันขึ้นมาโดยตลอด และปัจจุบันยังคงเป็นโอกาสท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก
แม้ว่าภูเก็ตมีประชากรดั้งเดิมตามเพียง 4 แสนคน แต่มีประชากรแฝงในตลาดพำนักระยะยาว (Long Stay) ที่อยู่นานกว่า 1 เดือนถึง 6-8แสนคนต่อปี และตลาดนักท่องเที่ยวระยะสั้น (Short Stay) อีก 1.2-1.5 ล้านคนต่อปี
บวกกับความน่าสนใจทั้งในการเดินทางผ่านสนามบินที่สามารถรองรับเที่ยวบินได้ 370 เที่ยวต่อวันในช่วงไฮซีซัน และ 270 เที่ยวต่อวันในช่วงโลว์ซีซัน รองรับชาวต่างชาติกว่า 12,000 คนต่อวัน ท่าเรือยอร์ช 5 แห่งที่รองรับเรือได้ 700 ลำ และมี Private Jet Terminal ซึ่งช่วยตอกย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก
ขณะเดียวกันก็เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และไลฟ์สไตล์ ในอนาคตอันใกล้จะมีโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เปิดให้บริการในปี 2570 เน้นด้านสุขภาพและความงาม (Wellness) เสริมจากโรงพยาบาลกรุงเทพที่รองรับ Medical Tourism อยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนนานาชาติแห่งใหม่เกิดขึ้นหลายแห่งที่จะเข้ามารองรับกลุ่ม Expat ที่มีลูกที่จะแนวโน้มย้ายมาจากสิงคโปร์และฮ่องกง รวมทั้งการพัฒนาแหล่งไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ รวมถึงการจัดงานอีเวนต์ระดับโลกที่เข้ามาจัดในภูเก็ตไม่ว่าจะเป็นกีฬา คอนเสิร์ต เอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งโครงการเพื่อการลงทุนและที่อยู่อาศัยระยะยาว โดยเฉพาะโครงการระดับ Ultra Luxury ที่ยังมีความต้องการสูงจากชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยภูเก็ตเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งทั่วโลกติดอันดับ Top 4 ของโลก และราคาที่ดินได้เติบโตขึ้นถึง 700% ในรอบ 20 ปี
อย่างไรก็ดีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตมีกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนักลงทุนชาวต่างชาติหน้าใหม่ เช่น ชาวอิสราเอล, กลุ่มประเทศที่ใช้ภาษารัสเซีย, ชาวอินเดีย, ยุโรป และอเมริกัน ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุน รวมถึงกลุ่มชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง เช่น อดีตพนักงานจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ที่มองหาการตั้งถิ่นฐานในประเทศที่มีความเปิดกว้างทางกฎหมาย
นายภูมิชายกล่าวว่า"ต่างชาติอยากย้ายมาอยู่ที่ภูเก็ตเยอะขึ้น" นอกจากนี้ยังพบนักลงทุนชาวไทยจากกรุงเทพฯ ที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเพื่อปล่อยเช่า รวมถึงลูกค้าท้องถิ่นที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง
ตลาดเช่าพูลวิลล่าในภูเก็ตเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดยพูลวิลล่าราคา 30 ล้านบาทสามารถปล่อยเช่าได้ถึง 250,000 บาทต่อเดือน หรือสร้างรายได้ในช่วงไฮซีซันได้สูงถึง ใน 3-6 เดือน
“ขณะที่ตลาดเช่าภูเก็ตสำหรับนักลงทุนถือว่าเซ็กซี่มาก โดยเฉพาะพูลวิลล่า 30 ล้านบาทที่ปล่อยเช่าเดือนละ250,000 บาทสำหรับสัญญา 1 ปี แต่นักลงทุนบางรายเลือกที่จะปล่อยเช่าเฉพาะช่วงไฮซีซั่น 3-6 เดือนต่อปี ในเรท800,000-1,000,000 บาท”
ในระยะ 5 ปีข้างหน้า แสนสิริมีแผนพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้น 29 โครงการ มูลค่ารวม 33,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการในทุกเซกเมนต์ โดยบริษัทมองว่าในภาวะที่มีอุปทานสูง โครงการที่ตอบโจทย์ทำเลและราคาจะยังคงเติบโตได้ดี
“แสนสิริเป็น developer เจ้าใหญ่เจ้าหนึ่งที่มีครบและ Balance portfolio แต่ละ segment ได้ดีในทุกภาวะตลาดในแต่ละ Life Cycle ของ economy ปัจจุบันเรามี 26 โครงการมีโครงการที่กำลังขายอยู่ 8 โครงการ โดยปกติเราจะเปิดโครงการใหม่ปีละ 5-6 โครงการเพราะฉะนั้นในอีก 5 ปีเราจะมีโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ
เพราะเราเชื่อว่าใน 3-5 ปีข้างหน้าดีมานด์ยังมีอยู่แน่นอน แต่ซัพพลายก็เยอะเช่นกัน เพราะฉะนั้นในภาวะที่ซัพพลายเยอะ โพรดักซ์ที่ถูกต้องในโลเคชั่นที่ถูกต้องในราคาที่ถูกต้องจะไปได้ และในอีก 3 ปีข้างหน้า After service จะเป็นสิ่งที่สำคัญดังนั้นการที่เรามีครบวงจรก็จะเป็นข้อได้เปรียบ”
[caption id="attachment_189071" align="aligncenter" width="1000"]
สมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด[/caption]
ด้านสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ภูเก็ตแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่ โซนในเมือง ที่มีสัดส่วนผู้อยู่อาศัยคนไทย 60% และชาวต่างชาติ 40% ซึ่งเน้นผู้อยู่อาศัยจริง และ โซนรอบเมือง (เช่น เชิงทะเล) ที่มีสัดส่วนชาวต่างชาติ 70-80% โดยมีนักลงทุนเป็นผู้ซื้อถึง 80% ซึ่งมักจะมองหาบ้านพักตากอากาศและวิลล่าหรู
ปัจจุบัน แสนสิริได้พัฒนาโครงการในภูเก็ตมากว่า 16 ปี รวมกว่า 28 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท และมีโครงการที่กำลังขายอยู่ 8 โครงการ ล่าสุดมีคอนโดมิเนียม 2 แห่งที่สร้างเสร็จและพร้อมโอน ได้แก่ เดอะ เบส บูกิต ภูเก็ต และ เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต และเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ "เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต" ในเดือนตุลาคมนี้