Google ตัดงบองค์กรความเท่าเทียมกว่า 50 แห่ง สนับสนุน AI แทนสิทธิสตรี - เชื้อชาติ | กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กูเกิล (Google) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐ ตัดงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) มากกว่า 50 แห่งในสหรัฐ จากรายชื่อองค์กรที่บริษัทเคยให้ทุนสนับสนุน ตามรายงานล่าสุดจาก The Tech Transparency Project (TTP) องค์กรอิสระด้านตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยี

จากการตรวจสอบรายชื่อที่เปิดเผยโดยทีม Government Affairs and Public Policy ของกูเกิล พบว่า บริษัทตัดชื่อองค์กรออกจากรายชื่อรวม 214 แห่ง โดยในจำนวนนี้ 58 แห่งเป็นองค์กรที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับ DEI โดยเฉพาะ

เช่น การส่งเสริมสิทธิผู้หญิง เชื้อชาติผิวสี หรือความเท่าเทียมทางสังคม ขณะที่มีองค์กรใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเข้ามาเพียง 101 แห่ง ซึ่งหลายคำเหล่านี้เป็นคำที่ฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยมีคำสั่งแนะนำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางหลีกเลี่ยงการใช้หรือส่งเสริม

องค์กรที่ถูกตัดงบ เช่น

African American Community Service Agency ซึ่งทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนคนผิวสี
Latino Leadership Alliance ที่ขับเคลื่อนประเด็นความเท่าเทียมทางเชื้อชาติในกลุ่มลาตินอเมริกัน
Enroot ซึ่งจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์นอกห้องเรียนให้เด็กผู้อพยพ
National Network to End Domestic Violence องค์กรรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัวที่ Google สนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องกว่า 9 ปี

แม้ว่ากูเกิลจะยืนยันว่า องค์กรบางแห่งยังได้รับเงินสนับสนุนในปี 2024 เช่น กรณีของ National Network to End Domestic Violence ที่ได้รับงบ 75,000 ดอลลาร์ แต่ไม่ได้ระบุชัดว่าเหตุใดจึงถูกลบชื่อออกจากรายชื่อสาธารณะ

คำชี้แจงจากกูเกิล

โฮเซ่ คาสตาเนดา (José Castañeda) โฆษกของกูเกิล ชี้แจงกับสำนักข่าว CNBC ว่า รายชื่อที่ปรากฏในรายงานดังกล่าวสะท้อนการบริจาคจากทีมงานเฉพาะในปี 2024 เท่านั้น และไม่รวมการบริจาคจากหน่วยงานอื่นๆ ภายในบริษัท

พร้อมระบุว่า “เราให้การสนับสนุนองค์กรหลายร้อยแห่งที่มีแนวทางทางนโยบายหลากหลาย เพื่อส่งเสริมนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยี และรายชื่อเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละปีตามเป้าหมายของเรา”

อย่างไรก็ตาม แม้กูเกิลจะชี้แจงเช่นนั้น แต่ TTP เห็นว่าแนวโน้มการลดบทบาทการสนับสนุนองค์กร DEI สอดคล้องกับทิศทางที่บริษัทแสดงออกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งกูเกิลเองได้ลดทอนความมุ่งมั่นต่อประเด็น DEI ลงบางส่วน

สืบเนื่องจากการตัดงบประมาณและหันไปให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์แทน รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนไปในสหรัฐ โดยเฉพาะการต่อต้าน DEI จากฝ่ายอนุรักษนิยม

แรงกดดันจากการเมืองและคำสั่งฝ่ายบริหาร

ย้อนกลับไปในปี 2023 คำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐที่ยกเลิกนโยบาย affirmative action หรือการให้สิทธิพิเศษทางการศึกษาแก่กลุ่มด้อยโอกาส ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไปสู่กระแสต่อต้าน DEI อย่างกว้างขวางในหมู่พรรครีพับลิกัน และส่งผลกระทบต่อบริษัทเอกชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งในต้นปี 2025 เขาได้ลงนามในคำสั่งบริหารให้ยุติโครงการ DEI ในหน่วยงานรัฐ พร้อมออกคำแนะนำให้ต่อสู้กับสิ่งที่ฝ่ายบริหารเห็นว่าเป็น “นโยบายผิดกฎหมาย” ของภาคเอกชนในเรื่องนี้ กูเกิลในฐานะผู้รับสัญญาจากรัฐบาลกลาง ก็ได้รับผลกระทบทางกฎหมายจากสถานะดังกล่าวเช่นกัน

ไม่นานหลังจากนั้น ฟิโอน่า ชิคโคนี (Fiona Cicconi) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของกูเกิลก็แจ้งพนักงานว่า บริษัทจะยุติเป้าหมายการจ้างงานที่มีความทะเยอทะยานในด้าน DEI เนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาภาครัฐ

กระนั้นก็ตาม บริษัทหลายแห่งยังคงเดินหน้าสนับสนุนหลักการ DEI อยู่ เพียงแต่เปลี่ยนถ้อยคำไปใช้คำที่ “ไม่เป็นประเด็นทางการเมือง” เช่น “การเรียนรู้” หรือ “การจ้างงานเชิงกลยุทธ์” แทน

ขณะที่ ซุนดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ประธานกรรมการบริหารของกูเกิลก็ยังยืนยันในความสำคัญของความหลากหลายในองค์กร ในการประชุมพนักงานเมื่อต้นปีว่า “เราคือบริษัทระดับโลก มีผู้ใช้จากทั่วโลก และเรามองว่าการจะให้บริการได้ดีที่สุดคือ การมีทีมงานที่สะท้อนความหลากหลายนั้น”

เบื้องหลังความเงียบขององค์กรเทคโนโลยี

ที่ผ่านมา Silicon Valley เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนโยบาย DEI โดยเฉพาะหลังปี 2020 ที่เกิดกระแส Black Lives Matter ทว่าในปี 2023 ศาลฎีกาสหรัฐมีคำวินิจฉัยให้ยุติโควตาเชื้อชาติในการรับนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ฝ่ายอนุรักษนิยมพุ่งเป้าโจมตีแนวคิด DEI ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติแบบกลับหัว ส่งผลให้บริษัทเทคต้องทบทวนกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา

อย่างไรก็ตาม การตัดองค์กรอย่าง National Network to End Domestic Violence ซึ่งทำงานด้านการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ออกจากบัญชีรายชื่อ แม้จะยังได้รับเงินสนับสนุน 75,000 ดอลลาร์จากกูเกิลในปี 2024 อยู่ก็ตาม ก็สร้างคำถามว่าเหตุใดองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนมายาวนานถึง 9 ปีจึงหลุดจากรายการ

ภายใต้บริบทที่ DEI กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองและเศรษฐกิจ การปรับกลยุทธ์ของกูเกิลจึงอาจสะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทั้งจากภายในและภายนอกระบบ และยังเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าแม้บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เคยเป็นผู้นำด้านความหลากหลายก็อาจเปลี่ยนจุดยืนได้เมื่อแรงผลักจากฝ่ายอนุรักษนิยมและความเสี่ยงทางกฎหมายเพิ่มสูงขึ้น

อ้างอิง: CNBC และ Tech Transparency Project