ถอดรหัส Buldak จากรามยอนไก่เผ็ด สู่แบรนด์มูลค่าเกือบ 3 แสนล้าน
ในยุคที่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นแค่ "ของถูก" อีกต่อไป แต่กลับถูกยกระดับให้เป็น "สินค้าหรูจากแดนกิมจิ โคเรียนพรีเมียม" อย่างเต็มตัว
ชื่อของ Buldak หรือที่คนไทยคุ้นเคยในชื่อ "รามยอนไก่เผ็ด" ได้พิสูจน์ปรากฏการณ์นี้ให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุด
ตามรายงานจาก Bloomberg เรื่องราวความสำเร็จของ Buldak ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความนิยมในฐานะเมนูอร่อย แต่ยังสะท้อนถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริษัทแม่ Samyang Foods Co. ที่มูลค่าหุ้นพุ่งทะยานกว่า 93% ภายในปีเดียว
ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 3 แสนล้านบาท ความน่าทึ่งนี้ทำให้ Samyang Foods Co. มีมูลค่าเทียบเท่ากับมูลค่ารวมของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่าง Nissin จากญี่ปุ่น และ Nongshim ของเกาหลีใต้รวมกันเลยทีเดียว
เบื้องหลังความสำเร็จที่น่าจับตาของธุรกิจนี้ คือคุณคิม จอง-ซู ซีอีโอหญิงแกร่ง เธอไม่ได้เป็นเพียงสะใภ้ของตระกูลเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้กอบกู้วิกฤตของบริษัทจากการล้มละลายในยุค 90 จนพลิกฟื้นกลับมาได้อย่างน่าทึ่ง
วันนี้คุณคิม จอง-ซู ได้กลายเป็น มหาเศรษฐีนีพันล้าน ซึ่งนับเป็นภาพที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงธุรกิจเกาหลีใต้ที่ส่วนใหญ่ยังคงขับเคลื่อนและนำโดยผู้ชาย
ความเผ็ดที่ไม่ปราณีใคร หัวใจความสำเร็จของ Samyang Buldak
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2012 ซัมยัง (Samyang) ได้ยกระดับความเผ็ดในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปอีกขั้น ด้วยดีกรีความเผ็ดร้อนที่เทียบเท่าพริกฮาลาเปโญ (Jalapeño) เลยทีเดียว
ซึ่งความเผ็ดจัดจ้านระดับนี้ถึงขั้นทำให้เดนมาร์กเคยสั่งเก็บสินค้าออกจากชั้นวาง เพราะ"เผ็ดเกินไป" มาแล้ว!"
แต่ดูเหมือนว่า"ความเผ็ดที่ไม่ปราณีใคร" นี้เอง กลับกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดอินฟลูเอนเซอร์สายแข็งบนโซเชียลมีเดียให้พากันสร้างคอนเทนต์ "Fire Noodle Challenge" จนฮิตติดลมบนไปทั่วโลก
โดยเฉพาะ รสคาโบนาร่า ที่ผสมผสานความชีสซี่นัว ๆ แบบที่ชาวอเมริกันคุ้นเคยคล้ายมักกะโรนีชีส เข้ากับรสเผ็ดที่เป็นเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว
ปรากฏการณ์ดังกล่าว ไม่ใช่แค่กระแสไวรัลแบบอุปาทานหมู่ เพราะข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำอย่าง CLSA ชี้ว่าในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ยอดการใช้แฮชแท็ก#Buldak บน TikTok พุ่งสูงขึ้นถึง 250% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นอกจากนี้ การค้นหาใน Google Trends ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นกัน
ผลจากความนิยมถล่มทลายนี้ ทำให้บะหมี่ Samyang Buldak ขาดตลาดในซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่ง
ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ รายได้ของ Samyang ในสหรัฐอเมริกาช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เติบโตขึ้นทันที 20% ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าความต้องการของผู้บริโภคมีสูงมาก
นี่คือสัญญาณที่นักลงทุนรอคอย และเป็นโอกาสทองของ Samyang เพราะโรงงานแห่งที่สองในเมือง "Miryang" สร้างเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้
Samyang ก็พร้อมที่จะ อัดฉีดสินค้าเข้าสู่ช่องทางจัดจำหน่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Costco ได้เต็มกำลัง
CLSA ประเมินว่าภายในปี 2030 ส่วนแบ่งตลาดของ Samyang ในสหรัฐฯ อาจเติบโตได้ถึงสองเท่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของแบรนด์บะหมี่รสเผ็ดร้อนนี้
แล้วนโยบายกำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบกับธุรกิจหรือไม่?
ดูเหมือนว่านักลงทุนจะมองแบรนด์อย่าง Buldak ว่า "เอาอยู่" แบบสบายๆ ตามรายงานจาก Bloomberg
ในสถานการณ์ที่ค่าครองชีพในอเมริกาสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะค่าอาหารนอกบ้านที่อาหารจานด่วนมื้อหนึ่งอาจสูงถึง 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 370 บาท)
การกลับมาทานรามยอน Buldak ที่บ้านจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่ามาก แม้จะถูกบวกภาษีนำเข้า 25% ตามแผนของทรัมป์
ราคาต่อชามก็จะยังอยู่ที่ประมาณ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น (ไม่ถึง 100 บาท) ซึ่งให้ความพึงพอใจได้ไม่แพ้กันในราคาที่ถูกกว่ากันลิบลับ
แน่นอนว่าอีกหนึ่งปีข้างหน้า กระแสของ Gen Z อาจเปลี่ยนไปหาสิ่งใหม่ แต่ในวันนี้ นักลงทุนต่างพร้อมใจกันมอบมูลค่าระดับพรีเมียมให้กับ Samyang และ Pop Mart
เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่า ท่ามกลางสมรภูมิการค้าที่ร้อนระอุ "รสนิยมและความชื่นชอบในสิ่งที่แปลกใหม่ของคน Gen Z คือสินทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ที่กำแพงภาษีทรัมป์ก็ไม่อาจขวางกั้นได้"