ทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้า EU-เม็กซิโก 30% มีผล 1 ส.ค. บรัสเซลส์ยัน พร้อมตอบโต้กลับ
ทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้า EU-เม็กซิโก 30% มีผล 1 ส.ค. บรัสเซลส์ยัน พร้อมตอบโต้กลับ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโกที่ 30% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
ทรัมป์เตือนว่าหากประเทศคู่ค้าทั้งสองรายของสหรัฐดำเนินมาตรการตอบโต้ใดๆ ตามมา เขาก็จะตอบโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีนำเข้ามากขึ้นอีก
การประกาศขึ้นภาษีกับ EU ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ มีขึ้นแม้ว่าฝ่าย EU จะแสดงความคาดหวังเมื่ต้นสัปดาห์ว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐได้ก่อนที่จะถึงเส้นตายในวันที่ 1 สิงหาคม
ในจดหมายที่ส่งถึงนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เมื่อวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม ทรัมป์ระบุว่า เราใช้เวลาหลายปีในการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้ากับ EU และได้ข้อสรุปว่าเราจำเป็นต้องยุติการขาดดุลการค้าระยะยาวที่มีมูลค่ามหาศาลและต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากนโยบายภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
“น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ของเรา ไม่ได้มีลักษณะต่างตอบแทน อย่างที่ควรจะเป็น” ทรัมป์ระบุ
แดร์ ไลเอิน ออกแถลงการณ์ว่า EU ยังพร้อมที่จะทำงานต่อไปเพื่อให้บรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 1 สิงหาคม พร้อมย้ำว่า มีเศรษฐกิจเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่เปิดกว้างและยึดหลักการค้าที่เป็นธรรมเท่ากับ EU
“EU จะดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเรา รวมถึงการใช้มาตรการตอบโต้ที่เหมาะสมหากจำเป็น” ประธาน EC ระบุ
นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำประกาศของทรัมป์ และเสนอว่า หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ EU ควรเร่งจัดเตรียมมาตรการตอบโต้ที่น่าเชื่อถือให้เร็วขึ้น
จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมได้ พร้อมเสริมว่า การจุดชนวนสงครามการค้าระหว่างสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล
ดิค สคูฟ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า EU ต้องคงความเป็นหนึ่งเดียวกันและแน่วแน่ในเป้าหมาย ที่จะบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับสหรัฐ
ขณะที่สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมนีออกมาเตือนถึงต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์ของเยอรมนี พร้อมระบุว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจที่ความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งทางการค้ามีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอีก
ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์ EU ในประเด็นการค้ามาโดยตลอด เมื่อในวันที่ 2 เมษายน เขาประกาศอัตราภาษีต่างตอบแทน 20% สำหรับสินค้าจาก EU และประเทศคู่ค้าอื่นๆ หลายประเทศ และขู่ว่าอาจขึ้นภาษีนำเข้าเป็น 50% หากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา
แม้ว่าวอชิงตันและบรัสเซลส์จะพยายามบรรลุข้อตกลงให้ได้ก่อนวันที่ 9 กรกฎาคม แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ประกาศออกมา ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐระบุว่า ในปี 2024 สหรัฐขาดดุลการค้ากับ EU ที่ 2.356 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 7.632 ล้านล้านบาท
ในจดหมายที่ส่งถึงผู้นำเม็กซิโก ทรัมป์ชี้ว่า เม็กซิโกไม่ได้ดำเนินการมากพอที่จะหยุดยั้งไม่ให้อเมริกาเหนือกลายเป็นสนามเด็กเล่นของขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด
“เม็กซิโกช่วยผมเรื่องการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน แต่สิ่งที่เม็กซิโกทำนั้นยังไม่เพียงพอ” ทรัมป์ระบุ
ในจดหมายถึง EU และเม็กซิโก ทรัมป์เตือนว่าหากทั้งสองคู่ค้าใช้มาตรการภาษีตอบโต้ เขาจะตอบกลับด้วยการขึ้นภาษีมอัตราที่ใกล้เคียงกัน โดยเพิ่มจากภาษี 30% ที่ได้ประกาศไปแล้ว
ด้านรัฐบาลเม็กซิโกออกมาตอบโต้คำขู่ของทรัมป์ในวันที่ 12 กรกฎาคมว่า มันคือข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม
อย่างไรก็ดี จดหมายของทรัมป์ไม่ได้ระบุว่าสินค้าที่ซื้อขายภายใต้ข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ที่ลงนามในปี 2020 จะได้รับการยกเว้นจากภาษีรอบใหม่หรือไม่
ทรัมป์ยังได้ส่งจดหมายถึงแคนาดาในสัปดาห์นี้ โดยขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้าแคนาดาที่ส่งมายังสหรัฐในอัตรา 35% เช่นกัน
นับจนถึงวันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของทรัมป์ได้ส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีสินค้านำเข้าใหม่กับ 24 ประเทศ และ EU
นับจนถึงขณะนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าใหม่กับสหราชอาณาจักรและเวียดนามแล้ว ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างการเจรจา แต่ล่าสุดทางการเวียดนามก็แสดงความงุนงนเมื่ออัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่สหรัฐเรียกเก็บกลายเป็น 20% ซึ่งสูงกว่าที่ได้ตกลงกันไว้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้า EU-เม็กซิโก 30% มีผล 1 ส.ค. บรัสเซลส์ยัน พร้อมตอบโต้กลับ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th