ห้าม! ขายชอร์ต THAI – ส่องเป้ากี่บาท?
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น – THAI คาดกำไรปกติปี 2025-2027 อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท (+27% YoY), 30,000 ล้านบาท (+5% YoY) และ 31,000 ล้านบาท (+4% YoY) ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 11% CAGR โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายฝูงบินเชิงรุกเพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขันในตลาดสายการบิน Full Service (ที่มา บล. หยวนต้า)
ห้ามขายชอร์ตTHAI
ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้อนุมัติให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน และเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ายังคงหยุดพักการซื้อขาย THAI Futures ต่อไป
เนื่องจากหลักทรัพย์ THAI ได้หยุดพักการซื้อขายเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้ไม่สามารถประเมินความผันผวนของราคาและสภาพคล่องในการซื้อขายได้ ซึ่งมีผลต่อความสามารถในการใช้หลักทรัพย์ THAI เป็นสินค้าอ้างอิงของ Single Stock Futures
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงยังไม่กำหนดให้หลักทรัพย์ THAI เป็นหลักทรัพย์ที่สามารถขายชอร์ตได้ในขณะนี้
ไม่มี Ceiling & Floor
หุ้น THAI ในปี 2564 เนื่องจากงบการเงินประจำปี 2563 ปรากฏว่าส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน และดำเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายได้ครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นคำขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน และขอให้เปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (SET)รวมถึงได้กำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงาน (Strategic Shareholders) ห้ามนำหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 55 ของทุนชำระแล้วออกขายภายในระยะเวลา 1 ปี ตามเกณฑ์ Silent Period
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้อนุมัติให้หลักทรัพย์ THAI พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน โดยปลดเครื่องหมาย “SP” (Suspension) และ “NC” (Non-compliance) และให้เริ่มซื้อขายหลักทรัพย์ THAI ในตลาดหลักทรัพย์ (SET) กลุ่มบริการ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
อนึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะ ไม่กำหนดราคาซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor), เกณฑ์ Dynamic Price Band และ เกณฑ์ Auto Pause สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ THAI ในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการซื้อขาย ต่อเนื่องไปจนกว่าหลักทรัพย์ THAI จะมีการซื้อขายจริง
กรณีที่หลักทรัพย์ THAI มีการซื้อขายแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ Ceiling & Floor ปกติ, เกณฑ์ Dynamic Price Band และเกณฑ์ Auto Pause มาใช้กับหลักทรัพย์ THAI ในวันทำการถัดไป
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำหลักทรัพย์ THAI มารวมในการคำนวณดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ในวันทำการถัดไปนับจากวันที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นวันแรก
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง Thai Airways (THAI) ว่า เป็นสายการบินประจำชาติของไทย รายได้จากธุรกิจสายการบินคิดเป็นกว่า 80% ของรายได้รวม บริษัทให้บริการเส้นทางบินทั้งในประเทศ (9%) และระหว่างประเทศ (81%) ครอบคลุมหลากหลายเส้นทางบินทั่วโลก
โดยรายได้อีกประมาณ 20% มาจากการดำเนินธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและช่วยสนับสนุนธุรกิจหลัก เช่น บริการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ธุรกิจคลังสินค้า บริการภาคพื้นและครัวการบิน เป็นต้น
อิงข้อมูลงบการเงินปี 2024 THAI สร้างรายได้กว่า 1.87 แสนล้านบาท (+19% YoY) ทำได้ดีกว่าฐานปี 2019 ก่อน COVID-19 แม้จำนวนผู้โดยสารที่ 16 ล้านคน (+17% YoY) จะคิดเป็นการฟื้นตัว 66% ของฐานปี 2019 ซึ่งได้รับการหนุนจากรายได้ผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (Passenger Yield) และจำนวนชั่วโมงบินที่เพิ่มขึ้น
ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
หลังจากพ้นจากสถานะรัฐวิสาหกิจในปี 2020 ทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร รวมถึงการปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน บริษัทได้พิสูจน์ความสามารถในการพลิกฟื้นสถานะทางการเงินหลังเข้าแผนฟื้นฟูกิจการในช่วงปี 2021-2024 โดยสามารถปรับโครงสร้างหนี้กว่า 4.0 แสนล้านบาท เหลือ 9.5 หมื่นล้านบาท (ณ สิ้นไตรมาส 1/25)
อีกทั้งส่วนของผู้ถือหุ้นพลิกกลับมาเป็นบวก 5.5 หมื่นล้านบาท ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นเป็นบริษัทที่มีสถานะ Net Cash ด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่ากว่า 1.25 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับการลงทุนในระยะ 3 ปีโดยไม่ต้องก่อหนี้เพิ่ม
ด้านการดำเนินงาน THAI ปรับลดขนาดองค์กรและค่าตอบแทน ทำให้ค่าใช้จ่ายพนักงาน (Employee & Crew Expenses) ในปัจจุบันคิดเป็น 9.7% ของรายได้ ต่ำกว่าอดีตที่ 23% อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนความสามารถในการสร้างรายได้ของบุคลากร เมื่อนำมารวมกับแผนการปรับฝูงบินและเส้นทางบินให้สอดคล้องกับความต้องการ รายงาน EBITDA หลังหักค่าเช่าเครื่องบิน ณ สิ้นปี 2024 อยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการถึงเท่าตัว
ขยายฝูงบินเชิงรุก
แผนการเติบโตของ THAI คือการขยายฝูงบินเชิงรุกเพื่อตอบรับดีมานด์การบินที่ยังเติบโตได้โดยเฉพาะในภูมิภาค Asia Pacific และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักที่เติบโตสูง บริษัทได้จัดหาเครื่องบิน Boeing ใหม่ 45 ลำ และมีแผนเช่า Airbus เพิ่ม 32 ลำ
โดยมีเป้าหมายขยายฝูงบินรวมเป็น 150 ลำภายในปี 2033 จาก 78 ลำ ณ สิ้นไตรมาส 1/25 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าของรัฐบาลไทยที่จะผลักดันประเทศให้เป็น Aviation Hub ของภูมิภาค บริษัทในฐานะสายการบินแห่งชาติร่วมมือกับ AOT ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายเส้นทางบินเพื่อเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญ
ล่าสุด THAI ได้ลงนามข้อตกลง Joint Business Agreement (JBA) กับ Turkish Airlines เพื่อขยายเครือข่ายสู่เส้นทางยุโรปกว่า 60 เส้นทาง ประเมินว่าการขยาย Capacity ตามแนวโน้ม Demand ที่เติบโต จะส่งผลให้ผลประกอบการของ THAI เติบโต YoY ได้ดีกว่ารายอื่นในไทย
เป้า10.70 บาท
คาดกำไรปกติปี 2025-2027 อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท (+27% YoY), 30,000 ล้านบาท (+5% YoY) และ 31,000 ล้านบาท (+4% YoY) ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 11% CAGR โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายฝูงบินเชิงรุกเพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขันในตลาดสายการบิน Full Service การบริหารต้นทุนการดำเนินงานที่ดีขึ้น และแนวโน้มต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวลง รวมทั้งภาระทางการเงินที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากการทยอยชำระหนี้ตามแผน
จึงเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” โดยอิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2026 ที่ 10.70 บาท โดยประเมินมูลค่าด้วย EV/EBITDA ที่ 7.0 เท่า อ้างอิงจากค่าเฉลี่ยของผู้ประกอบการสายการบินในภูมิภาค และตัวเลขดังกล่าวเทียบเท่า -1S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัทช่วง Pre COVID-19 (2015-2019)