“เมย์แบงก์” ชี้ลดค่า Ft รอบใหม่เหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย กระทบ “กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า” จำกัด
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST เปิดเผยบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า การที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) สำหรับรอบเดือนกันยายน–ธันวาคม 2568 จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้ กกพ. ประกาศลดค่า Ft ลงจากเดิม 19.72 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสำหรับประชาชนปรับลดลงจาก 3.98 บาท เหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย โดยการปรับลดดังกล่าวเป็นผลจากการนำเงินส่วนเกินของการไฟฟ้าทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมมูลค่า 2,640 ล้านบาท มาใช้เพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้า
ฝ่ายวิจัยของเมย์แบงก์ฯ ระบุว่า ผลกระทบต่อกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้ามีอยู่ในระดับจำกัด โดยคาดว่าอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 4.02 บาทต่อหน่วย ลดลงเล็กน้อยจากสมมติฐานเดิมที่ 4.04 บาทต่อหน่วย หรือเพียง 2 สตางค์
อย่างไรก็ตาม การปรับลดค่า Ft ดังกล่าวอาจมีผลกระทบชัดเจนกับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer: SPP) ซึ่งมีสัดส่วนการขายไฟให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมที่อิงกับอัตรา Ft เป็นหลัก โดยเฉพาะบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) และกลุ่มพลังงานหมุนเวียนจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
โดยทางฝ่ายวิจัยประเมินการปรับลดค่า Ft อาจส่งผลให้กำไรสุทธิของ BGRIM ปรับลดลงราว 3% จากประมาณการเดิม ขณะที่ GPSC อาจได้รับผลกระทบในระดับ 2% จากกำไรที่ประเมินไว้ทั้งปี