นายกฯ เปิดฝึกทดสอบ “แผนเผชิญเหตุ” ในสถานีรถไฟใต้ดินเต็มรูป เสริมความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ
นายกฯ เปิดฝึกทดสอบ "แผนเผชิญเหตุ" ในสถานีรถไฟใต้ดินเต็มรูป บูรณาการทุกหน่วยงานทั้งกองทัพ ตำรวจและ รฟม. เสริมความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ
วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 14.20 น.ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้มตะวันออก OR14 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจการฝึกทดสอบแผนเผชิญเหตุ “การตอบโต้ภัยคุกคามพื้นที่ส่วนหลัง”
โดยมีนายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ รฟม. พลเอกไพบูลย์ วรวรรณปรีชา รองเสนาธิการกองบัญชาการกองทัพไทย พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพลโท สุเมธ พรหมตรุษ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล เข้าร่วม
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์พร้อมชมการฝึกปฏิบัติในแต่ละสถานีฝึก ได้แก่ สถานีการควบคุมฝูงชน สถานีการก่อวินาศกรรม (เกิดเพลิงไหม้) สถานี WWD และการกราดยิง และสถานีจับตัวประกันและการใช้หน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้ายุติปัญหา
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีพบปะหน่วยปฏิบัติการพิเศษ พร้อมกล่าวว่าวันนี้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสพบปะกับทุกคน เหตุการณ์ที่ได้รับชมวันนี้ถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่สามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง
ดังนั้น การมีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน และเจ้าหน้าที่ที่มีความเข้าใจในกระบวนการต่าง ๆ จะช่วยให้การรับมือกับสถานการณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชน นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้สนับสนุนงานด้านความมั่นคง ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความเข้มแข็งในการรับมือกับสถานการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ
“ขอชื่นชมทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ร่วมกันจัดการฝึกซ้อมในครั้งนี้ให้ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยสถานีต่าง ๆ ที่ได้จัดขึ้นมีความหลากหลาย ครอบคลุมสถานการณ์สมมติที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการให้ผู้เข้าร่วมฝึกได้เรียนรู้เส้นทางเข้า-ออก และแนวทางการรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน” นายกรัฐมนตรี ระบุ
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันสร้างความมั่นใจและความอุ่นใจให้กับประชาชน ในการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศโดยรวม