'Slow TV' เมื่อคอนเทนต์ในปัจจุบันรวดเร็วเกินไป หนีไปพักกาย พักใจ กับความเนิบช้ากันดีไหม?
ทุกวันนี้เรากดมือถือกันอยู่ตลอด ถ้านับเนื้อหา ข่าวสาร หรือเรื่องราวรายการที่ผ่านตา สิ่งที่เราเสพ หรือบริโภคอยู่วันๆ หนึ่ง มีเนื้อหาจำนวนมหาศาล นอกจากรายการที่อาจจะยาวเกิน 10 นาที ไปจนถึงคอนเทนต์ เช่น รีลและติ๊กตอกที่ผ่านตาเรานับร้อยในแต่ละวัน
กระแสเรื่องความเร็วอยู่กับเรามาตั้งแต่เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ และกลายเป็นสุดยอดอัตราเร่ง เช่น สารพัดข่าวหรือละครที่ถูกย่อลงให้สั้น กระชับ เร็ว ไม่ว่าจะเป็นละคร 2 นาที รวมถึงกฎทองคำเรื่องความปังใน 5 วินาที แต่แน่นอนว่าเมื่อเราเจอกับความเร็ว โลกก็เกิดกระแสย้อนกลับจากความเร็วสู่ความช้า จนเกิดเป็นกระแสสื่อ หรือทีวีแบบเนิบๆ ที่เรียกว่า Slow TV
อันที่จริงการเกิดขึ้นของคอนเทนต์เนิบช้า ไม่เชิงว่าเป็นของใหม่ เมื่อช่วง 10 ปีก่อนในโลกคอนเทนต์เองก็เริ่มเกิดเนื้อหาแบบไม่มีเนื้อหา เช่น เราสามารถดูการเคลื่อนไปเรื่อยๆ ของรถไฟ ชมการถักนิตติ้งของคุณป้า หรือจะเปิดรายการต่างๆ ไว้โดยไม่มีจุดหมายที่จะรู้เรื่องใหม่ๆ หรือมีเนื้อหาที่น่าตื่นเต้นเร้าใจอะไร
แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า กระแสทีวีช้าๆ กำลังกลับมาผงาดอีกครั้ง นั่นคือ ช่องทีวีของสวีเดนกับการไลฟ์สตรีมการอพยพของกวางยาวเป็นสัปดาห์ ซึ่งเริ่มไลฟ์มาตั้งแต่ราวปี 2022 เมื่อแรกมีคนดูราว 1 ล้านคน จนในที่สุดการถ่ายทอดการอพยพของกวางยาว 3 สัปดาห์นั้น กลับมีคนดูมากถึง 9 ล้านคน และมีผู้ชมจากพื้นที่อื่นๆ มากขึ้น
จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า การกลับมาของ Slow TV ที่ไม่มีเรื่องราวนี้ อาจกำลังเป็นพื้นที่ที่เราได้หลบหนีจากความวุ่นวาย จากโลกที่เต็มไปด้วยเนื้อหาและความเร็ว รวมถึงเป็นพื้นที่ที่จะพาเรากลับไปยังธรรมชาติที่เนิบช้าและเงียบสงบ
การอพยพของกวางมูส
กรณีกระแสทีวีเนิบช้าจากยุโรป หรือสแกนดิเนเวียน เป็นอีกหนึ่งกระแสที่บ้านเราเองอาจบอกว่า เรามีมานานแล้ว เรามีแพนด้าทีวี เรื่อยมาจนถึงการตามติดชีวิตหมูเด้ง ด้วยบริบทการเปิดไลฟ์สตรีมที่เหมือนจะไม่มีอะไร แค่ดูชีวิตสัตว์ที่แสนจะสบายกำลังนอน นั่ง กิน ซึ่งเป็นการดูที่เรียบง่ายที่สุด เพราะเราได้หลีกหนีออกจากโลกที่สับสน โดยกรณีของบ้านเรา เราแค่อยากดูสัตว์ที่เรารักแบบเพลินๆ แม้ว่าชีวิตมันไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น โลดโผน หรือพลิกแพลงอะไร
นอกจากกระแสการมีสรรพสัตว์ที่เรารัก และการอยากตามติดชีวิตแสนสบายของดาราแล้ว ในยุคโควิด-19 ที่ผ่านมา กระแสการเปิดทีวี รวมถึงความต้องการเปิดคอนเทนต์ที่เรื่อยๆ เป็นเพื่อนแก้เหงา กระทั่งภาพของการเดินทาง หรือพื้นที่นอกบ้าน ก็อาจเป็นอีกเงื่อนไขของความต้องการเนื้อหาแบบ Slow TV ดังกล่าว
ความน่าสนใจคือ แม้ว่าเราจะพ้นยุคโควิด-19 มาแล้ว และกระแสของแพลตฟอร์ม ทั้งติ๊กตอก รีล และอื่นๆ ยิ่งเร่งให้เกิดการผลิตคอนเทนต์แบบสั้น และถาโถมใส่เราเป็นจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเนื้อหาทั้งหมด ว่าด้วยความตื่นเต้น หวือหวา แต่การกลับมาของ Slow TV กรณีล่าสุดคือ Great Elk Trek รายการถ่ายทอดสดการเดินทางของกวางมูส ซึ่งถ่ายทอดกันยาวๆ เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ จนกลายเป็นไลฟ์สไตล์ในการเสพสื่อแบบใหม่
ตรงนี้เองที่การผลิตเนื้อหามีการลงทุนในการถ่ายทอดสดอย่างจริงจัง โดยเน้นการฉายภาพแบบสารคดี แต่ในทางกลับกันก็เกิดชุมชน เช่น กรุ๊ปในเฟซบุ๊กที่คุยกันเรื่องว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง คนดูติดตามรายงานพูดคุยเกี่ยวกับการเดินทางฝูงกวางมูส จนมีแฟนคลับและชุมชนขึ้นมา
ไลฟ์สไตล์ใหม่ที่มี Slow TV เป็นศูนย์กลาง
สิ่งที่เป็นประเด็นคือ ความนิยมในตัวรายการของสวีเดนนี่แหละ ถ้าคิดตามสัดส่วนประชากรจำนวนผู้ชมชาวสวีเดนแล้ว ถือว่ารายการการอพยพของกวางกลายเป็นอีกเรื่องฮิต ใครๆ ก็ดูรายการนี้ ตัวรายการที่ตัวมันเองฉายภาพกวางมูสค่อยๆ เดินข้ามแม่น้ำ (ซึ่งนานๆ เกิดที) จนทำให้การตามติดชีวิตของเจ้ากวางทั้งหลายกลายเป็นหัวข้อสนทนา เป็นกิจกรรมประจำปีที่ใน 3 เดือนนี้ผู้คนจะดูสิ่งเดียวกัน และพูดคุยในเรื่องเดียวกัน
ในมิติที่ซับซ้อนขึ้น นอกจากการหลีกหนี หรือเป็นกระแสตีกลับจากเนื้อหาจำนวนมหาศาลแล้ว ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า นัยของการกลับมาของทีวีที่ยาวยืด และไม่ได้มีเนื้อหาอะไร อาจเป็นการเปิดพื้นที่ปลอดภัยจากโลกที่คับคั่งและวุ่นวาย ซึ่งเชื่อมโยงผู้คนแบบเราๆ ให้กลับไปสู่ความสงบงดงาม และวิถีความเป็นไปของธรรมชาติ ด้วยการได้ชมทุ่งหิมะ เห็นแม่น้ำ เห็นชีวิตเรียบง่ายพื้นฐาน ที่ก็คือความสงบสุขอย่างสำคัญของผู้คน
อีกข้อสังเกตคือ การเฝ้าชมการเดินทางที่เรียบง่ายของเจ้าฝูงกวาง อาจเป็นการเติมความหวังให้กับชีวิต ด้วยการให้มนุษย์ที่ใช้ชีวิตยุ่งเหยิงแบบเราๆ ได้ไปเป็นสักขีพยานของจังหวะเวลาที่แน่นอน ของวงจรที่เรียบง่ายในธรรมชาติ ของการเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวไปสู่ฤดูร้อน เป็นหลักหมายว่านี่คือความเป็นไปของธรรมชาติ ซึ่งทำให้เรามองเห็นความแน่นอนในอนาคต และเริ่มเชื่อมั่นในอนาคตมากขึ้นบ้าง
ดังนั้น ในเรื่องราวการกลับมาของทีวี หรือรายการที่ไม่มีเรื่องราวอะไร ไม่มีความน่าตื่นเต้น จึงอาจเป็นพื้นที่เงียบสงบที่พาเรากลับไปยังธรรมชาติ เป็นการคืนสู่ธรรมชาติผ่านหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ หรือการฉายผ่านทีวี ในระดับความหมาย สื่อที่ตรงข้ามกับกระแสความรวดเร็วอาจกำลังตอบสนองความรู้สึกไม่มั่นคงของมนุษย์
Slow TV จึงพาเรากลับไปหาความแน่นอน และความมั่นคงในอนาคต อย่างน้อยก็คือความเป็นไปของธรรมชาติ ที่วงจรและวงรอบต่างๆ ยังคงดำเนินคู่ขนานไปกับโลกอันแสนวุ่นวายของเรา
อ้างอิงจาก
Graphic Designer: Phitsacha Thanawanichnam
Editorial Staff: Taksaporn Koohakan