Edge-AI โอกาสอาเซียน คลื่นเทคโนโลยีใหม่ ทำไม ‘เวียดนาม’ เข้าวิน
ในรอบปีที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ธุรกิจต่าง ๆ หรือแม้แต่ผู้คนทั่วไปต่างกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ และนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ “เอไอ” เข้ามาใช้มากขึ้นมาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุน และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ “ประชาชาติธุรกิจ” ชวนสองผู้บริหาร จาก Advantech ASEAN ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอโอที และผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม มาพูดคุยถึงแนวโน้มของคลื่นการลงทุนที่หลั่งไหลมายังภูมิภาคอาเซียน ทำให้หลายประเทศเตรียมอัพเกรดเทคโนโลยีการผลิตครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเรื่อง Edge AI และ Edge Computing ที่รองรับอุปกรณ์ IOT จำนวนมาก และการประมวลผลในยุคเอไอ
คลื่นลงทุนสู่อาเซียน โอกาสใหม่
“ไฮย หงอ” หัวหน้าทีม Regional Industrial Automation ของ Advantech ASEAN กล่าวว่า ในเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญเพราะอุตสาหกรรมการผลิตในจีนอยากเคลื่อนย้ายการลงทุนมายังภูมิภาคอาเซียน ขณะที่บริษัทในอาเซียนก็อยากขยับขยายตลาดไปจีน
ดังนั้นในการเคลื่อนย้ายการผลิตมาในประเทศต่าง ๆ ต้องคว้าโอกาสเหล่านั้นด้วยข้อเสนอด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ดี เน้นการวางแผนและออกแบบธุรกิจให้เข้ากับบริบทในพื้นที่ ที่มีความต้องการต่างกัน มีกฎระเบียบที่แตกต่างกัน
“เมื่อโรงงานขยายมาตั้ง แต่ไม่สามารถขนซัพพลายเออร์ทั้งหมดมาได้ บริการคอมพิวเตอร์อย่างเรา ซึ่ง Advantech ผันตัวเองจากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์มาเป็นซอฟต์แวร์โรงงานและโซลูชั่นโพรไวเดอร์จึงมีโอกาสสูงมากที่จะนำอุปกรณ์ IOT ที่เรามีเข้าไปทำ Smart Factory”
แนวโน้มจะไปสู่โรงงานอัตโนมัติแน่นอน เพียงแต่ว่าจะเลือกใช้วิธีการ และโซลูชั่นแบบใด แต่ละประเทศมีความเหมาะสมแตกต่างกัน ต้องจับจังหวะหาโอกาส เช่นเวียดนาม มีข้อได้เปรียบหลายด้านในเรื่องกำลังคนสำหรับดูแลเทคโนโลยี ด้วยมีการสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปใช้กับการผลิตได้เร็ว
“การสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ สตาร์ตอัพ และเทคโนโลยีในเวียดนามแข็งแกร่งมาก มีการตั้งสมาคมไอทีซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ ที่รัฐสนับสนุน จับคู่ และส่งเสริมให้เข้าไปทำงานหรือเจาะตลาดเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ”
สำหรับในอาเซียน ประเทศอื่น ๆ ก็มีความโดดเด่นต่างกัน ประเทศไทยก็มีตลาดขนาดใหญ่ เป็นแหล่งที่บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น และบริษัทจำนวนมากลงทุนสร้างฐานผลิตอยู่แล้ว ทำให้เหมาะกับการอัพเกรดเครื่องจักร และโซลูชั่นการผลิตใหม่ ๆ
เทรนด์เทคโนโลยีการผลิตยุคเอไอ
“เส้า เหว่ย ทาน” Regional Solution Manager ของ Advantech ASEAN มองว่าการเติบโตของระบบนิเวศอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ในยุคของปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตเทคโนโลยี Edge Computing และแพลตฟอร์ม WISE-Edge จะมีส่วนสำคัญ
ในฐานะที่ทีมงานของเขารับผิดชอบในการ Centralize และทำงานร่วมกับพันธมิตรในอาเซียนอย่างใกล้ชิด เช่น ในประเทศไทยร่วมกับพาร์ตเนอร์อย่าง IBCON และ QuickERP เพื่อเชื่อมต่อประเทศไทยเข้าสู่ระบบนิเวศอุตสาหกรรมดิจิทัล และช่วยลูกค้าเข้าถึงโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจอย่างแท้จริง
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือโปรเจ็กต์โรงงานผลิต PCB ในจังหวัดปราจีนบุรี ประเทศไทย ที่ทีมงานลงพื้นที่เป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อแก้ไขปัญหาหลายด้าน ตั้งแต่การสื่อสารระหว่างภาษาไทย และภาษาจีนการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ที่ขาดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไปจนถึงการแก้ไขซอฟต์แวร์ ด้วยความซับซ้อนของโรงงานที่มีหลายระบบแต่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ทีม Advantech รวบรวมระบบเหล่านี้ให้มาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังติดตั้ง Industrial PC ที่ช่วยลดความเสี่ยง Downtime ซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญของ Advantech ในการให้บริการ Edge Computing, Edge AI และ Local Solution Platform ทั้งยังมีโซลูชั่นด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย (Environment, Health and Safety-EHS) เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรอย่างน้ำ วัตถุดิบ แก๊ส และของเสียอย่างแม่นยำ ลดโอกาสการหยุดชะงักของสายการผลิตที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล รวมถึงสุขภาพและความปลอดภัยของบุคลากรในโรงงาน
เข้าสู่ยุค Edge AI
Edge Computing และ Edge AI กำลังเป็นเทรนด์สำคัญในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาหลายแห่งศึกษา และนำ AI มายกระดับการบำรุงรักษาและการจัดการพลังงานอย่างคุ้มค่า สำหรับภาคอุตสาหกรรม Advantech ทำงานร่วมกับบริษัทญี่ปุ่น และเกาหลีที่ตั้งโรงงานในไทย เพื่อสนับสนุนการทำ Digital Transformation ทั้งในเรื่อง AI Automation และ Predictive Maintenance ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีทีมผู้เชี่ยวชาญของ Advantech ประจำในอาเซียนคอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้าน AI, Digital Transformation และระบบ PC
นอกจากนี้ยังร่วมมือกับพันธมิตรคลาวด์อย่าง Microsoft และ AWS ให้ลูกค้าสามารถเช่าใช้ระบบได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อ PC พร้อมบริการสนับสนุนอย่างครบวงจร
ในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย Edge Computing มีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะในโรงงานที่ใช้เครื่องจักร CNC เพราะหากใช้คลาวด์เพียงอย่างเดียวจะมีต้นทุนสูง จึงนิยมใช้ Edge Computing PC ที่เชื่อมต่อและควบคุมเครื่องจักรได้แบบเรียลไทม์
ข้อมูลในปี 2024 ระบุว่า Advantech มีส่วนแบ่งตลาด PC Edge ในประเทศไทยสูงถึง 45% นั่นหมายความว่าเครื่อง PC จำนวน 10 เครื่องในตลาดมีเครื่องของ Advantech ถึง 4 เครื่อง ความสามารถของ Edge Computing คือการรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย พร้อมโซลูชั่นซอฟต์แวร์ที่ช่วยควบคุมและวิเคราะห์การทำงานของเครื่องจักรได้อย่างใกล้ชิด ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุน Edge Computing บริษัทจะพูดคุยเพื่อวิเคราะห์ความสำคัญของเครื่องจักรต่อกระบวนการผลิต และจำนวนเครื่องจักรในโรงงาน โดยเฉพาะหากมีมากกว่า 30 เครื่อง การลงทุนระบบ Edge Computing จะคืนทุนได้ในระยะเวลาประมาณ 2 ปี แม้ไม่สามารถรับประกันระยะเวลาที่แน่นอนได้ แต่มั่นใจได้ว่าจะได้รับผลตอบแทนกลับมาในเวลาไม่นาน
Advantech โตไปกับพันธมิตร
ในส่วนของโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย Advantech เริ่มพัฒนาโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับ EV มาตั้งแต่ก่อนที่กระแสรถ EV จะเป็นที่นิยมในอาเซียน โดยเฉพาะระบบสื่อสารสำหรับสถานีชาร์จที่รองรับหลายแบรนด์ผ่าน OCPP (Open Charge Point Protocol) ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วโลก ระบบนี้ทำงานร่วมกับ EdgeLink อุปกรณ์ Edge Computing ขนาดกะทัดรัด ที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลกระบวนการผลิตรถ EV แบบเรียลไทม์ ช่วยให้โรงงานเข้าใจคุณภาพและประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกกรณีศึกษาคือการติดตั้งระบบใน Data Center ของ NVIDIA ที่ประเทศมาเลเซียในปี 2024 ซึ่ง Advantech ได้ติดตั้ง I/O Module กว่า 5,000 ตัว เพื่อให้ระบบสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นที่ความเสถียรและความทนทานของ Edge Computing PC
สำหรับในประเทศไทย อุตสาหกรรมที่เหมาะกับการใช้ Edge Computing ได้แก่ Automotive, Plastic Molding และ EV รวมถึงอุตสาหกรรม PCB ที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตในอาเซียน และยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง การนำ Edge Computing มาใช้ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษา โดยติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยลดจำนวนบุคลากรที่ต้องดูแลระบบ ลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาฉุกเฉินได้ถึง 40% ด้วยการวางแผนล่วงหน้าผ่าน AI และช่วยให้การบำรุงรักษาเชิงป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ทีม Advantech ASEAN มีจุดแข็งในการร่วมสร้าง (Cocreate) โซลูชั่นกับพาร์ตเนอร์หลากหลาย เช่น พาร์ตเนอร์ด้าน Energy AI ในมาเลเซีย เพื่อช่วยธุรกิจลดการใช้พลังงาน และปรับโซลูชั่นให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดในแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
สำหรับอนาคตของ Edge AI บริษัทวิจัย Gartner คาดว่าจะเติบโตจาก 131 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 511 พันล้านดอลลาร์ในปี 2033 ซึ่ง Advantech ASEAN มีเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% ในกลุ่มอุตสาหกรรม Internet of Things สำหรับภาคอุตสาหกรรม (Industrial IOT หรือ IIOT) ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์เพื่อสร้างระบบนิเวศและยกระดับอุตสาหกรรมอัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : Edge-AI โอกาสอาเซียน คลื่นเทคโนโลยีใหม่ ทำไม ‘เวียดนาม’ เข้าวิน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net