“ธุรกิจนอนออยล์” จิ๊กซอว์ความสำเร็จ ภายใต้จักรวาล PTG

อีกหนึ่งความน่าสนใจของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG คงหนีไม่พ้นกลุ่ม ธุรกิจ Non-Oil ที่กำลังจะเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจ PTG ให้เติบโตอย่างแข่งแกร่ง

เห็นได้จาก ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ธุรกิจ Non-Oil มีรายได้จากการขายและการให้บริการ สูงถึง 10,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ กำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 2,849 ล้านบาท เติบโต 62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

หลักๆ มีปัจจัยสนับสนุนจาก ธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย มีรายได้จากการขายและการบริการที่เติบโตเป็นจำนวน 2,178 ล้านบาท หรือเติบโต 125.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายสาขาสาขาอย่างต่อเนื่อง

โดย ณ ครึ่งปีแรกของปี 2568 ธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,642 สาขา เพิ่มขึ้น 59.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการขยายสาขามากกว่า 1.7 สาขาต่อวัน รวมถึงการการเติบโตของ SSSG จากการกลับมาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าสมาชิกเป็นหลัก รวมถึงแคมเปญทางการตลาดที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง

สรุปในครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัท มีสาขาของธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมสาขาธุรกิจ LPG) รวมทั้งสิ้น 2,606 สาขา เพิ่มขึ้น 885 สาขา หรือเติบโต 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจ Non-Oil คิดเป็นสัดส่วน 9.6% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 7.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

หากแยกแต่ละธุรกิจ Non-Oil พบว่าครึ่งปีแรกของปี 2568 กาแฟพันธุ์ไทย มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,642 สาขา, ร้านซับเวย์ มีจำนวน 79 สาขา, ร้านคอฟฟี่ เวิลด์ มีจำนวน 27 สาขา

ร้านสะดวกซื้อ Max Mart มีจำนวน 376 สาขา, ศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs มีจำนวน 122 สาขา, ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน Maxnitron Lube Change มีจำนวน 48 สาขา, จุดพักรถ Max Camp มีจำนวน 112 สาขาและสถานีอัดประจุไฟฟ้ำ EleX by EGAT PT มีจำนวน 200 สาขา

แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังของ PTG ยังคงมีศักยภาพเติบโตอย่างแข็งแกร่งจาก ธุรกิจ Non-Oil ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่สำคัญผ่านกลยุทธ์การขยายสาขาและการพัฒนาแบรนด์ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพของ กาแฟพันธุ์ไทย รวมถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าสมาชิก ที่มีความแข็งแกร่งในการใช้บริการภายใต้ ระบบนิเวศ Max World

ล่าสุดบริษัทได้ปรับประมาณการเติบโตของรายได้จากธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG) สำหรับทั้งปี 2568 ขึ้นเป็น 50-60% จากเดิม 40-50% จากปีก่อน และได้ปรับสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ขึ้นจากเดิม 30-35% เป็น 35-40% จากการขยายจำนวนสาขาอย่างก้าวกระโดด การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และการพัฒนาแคมเปญเพื่อกระตุ้นการใช้บริการซื้อ

โดยบริษัทได้ตั้งเป้าการขยาย Touchpoints ให้ครบ 2,978 สาขาภายในสิ้นปี 2568 ประกอบด้วย ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 1,947 สาขา และ Non-Oil Touchpoints อื่นๆ 1,031 สาขา

ด้านความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังของปี 2568 คาดดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากสถานณ์การกองทุนน้ำมันที่ดีขึ้น (ปัจจุบัน -2.9 หมื่นล้านบาท จากต้นปี ติดลบ 7.5 หมื่นล้านบาท) และแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมันที่ลดแรงกดดันค่าการตลาด และการขยายธุรกิจ non-oil โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทย จะช่วยหนุนผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 8 บาท

ขณะที่ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มองว่า ธุรกิจ Non-Oil มีการเติบโตดีและบริษัทมีแผนจะเร่งขยายกาแฟพันธ์ไทยมากกว่าเดิมที่ตั้งไว้ ทั้งนี้เราอาจจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งหลังการประชุมนักวิเคราะห์ ตาม Guidance ใหม่ของบริษัท เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรทั้งปี 68 ที่ 1.3 พันล้านบาท แต่อาจจะมี Downside จากค่าใช้จ่ายที่เร่งตัวขึ้นสูงกว่าคาด รวมถึงปริมาณขายน้ำมันที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 11 บาท

ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 8.20 บาท ลุ้นการฟื้นตัวตามทิศทางกาไรช่วงครึ่งหลังปี 68 โดยเฉพาะ High Season ในไตรมาส 4/68 และคุณภาพกำไรที่ดีขึ้นจากความสำเร็จของธุรกิจ Non-oil โดยเฉพาะร้านกาแฟพันธุ์ไทย ช่วยให้สัดส่วนกำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-oil ล่าสุดไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 35% เทียบค่าเฉลี่ยปี 2566-67 ที่ 25%

โดยการขยายตัวที่โดดเด่น ของธุรกิจ Non-oil โดยเฉพาะร้านกาแฟพันธุ์ไทย ผู้บริหารปรับเพิ่ม Guidance การ เติบโตของยอดขายธุรกิจ Non-oil เป็น 50-60% และสัดส่วนกำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-oil ขึ้นเป็น 35-40% ส่งผลให้ยังคงการเติบโตของ EBITDA ปีนี้ที่ 8-12% จากปีก่อน โดยบริษัทปรับลด Guidance การเติบโตปริมาณขายน้ำมันปีนี้เหลือ 1-3% (เดิม 5- 10%) สะท้อนปัจจัยมหภาคที่อ่อนแอช่วงครึ่งปีแรก