MOODY: ทุกความยากลำบากในชีวิต จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อ เรามองว่ามันเป็นไปได้
ไม่มีวันไหนที่ไม่เจออุปสรรค
ไม่มีวันไหนที่ไม่พบความยากลำบาก
ไม่มีวันไหนที่ราบรื่นตลอดวัน
เพราะทุกสิ่งที่พบเจอย่อมทำให้เราได้เรียนรู้ เพื่อเติบโตขึ้นไปอีกขั้น
แต่ MOODY เชื่อว่าทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าสิ่งที่สามารถช่วยให้ก้าวผ่านทั้งหมดนี้ไปได้ง่ายขึ้นคือ ‘ทัศนคติ’ ในการมองโลก วันนี้จึงขอหยิบยกเกี่ยวกับกรอบความคิด Theory of Overcoming Impossibility หรือ การเอาชนะความเป็นไปไม่ได้ จากการทดสอบการรับมือกับทัศนคติต่อความยากลำบาก (Difficulty Mindset) จากนักจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเท็กซัส มาเล่าให้ฟังกัน
นักจิตวิทยาที่ว่านี้ชื่อ เวโรนิกา เอ็กซ์. ยาน (Veronica X. Yan) และเพื่อนร่วมงานของเธอ ทำการศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีแรงจูงใจตามอัตลักษณ์ (Identity-Based Motivation – IBM)
ทฤษฎีทางจิตวิทยาสังคมเกี่ยวกับแรงจูงใจและการแสวงหาเป้าหมายของมนุษย์ อธิบายว่า เมื่อใดและในสถานการณ์ใดที่อัตลักษณ์หรือแนวคิดเกี่ยวกับตนเองของผู้คนจะจูงใจและดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมาย โดยยานใช้ทฤษฎีนี้ตรวจสอบเกี่ยวกับความยืดหยุ่นและความสามารถในการรับมือจากทัศนคติต่อความยากลำบาก
พบว่าผู้คนมีทัศนคติแตกต่างกัน 3 ประเภท ได้แก่ 1. มองความยากลำบากตามความสำคัญ 2. มองว่าความยากลำบากเท่ากับความเป็นไปไม่ได้ และ 3. มองว่าความยากลำบากเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง
อย่างไรก็ตาม IBM เสนอว่าวิธีที่ผู้คนมองและตีความความยากลำบากในชีวิต ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคุณค่าทางกรอบวัฒนธรรมในแต่ละสังคม ที่ทำให้พวกเขามีวิธีการทำความเข้าใจประสบการณ์ชีวิตของตัวเองแตกต่างกันไป
โดยทำการศึกษา 15 เรื่องที่รวบรวมผู้เข้าร่วม 2,380 คนในกลุ่ม WEIRD-er คือ ชาวตะวันตก มีการศึกษา อุตสาหกรรม ร่ำรวย ประชาธิปไตย (จะขอเรียกว่า ‘ประเทศรุ่มรวย’) เทียบกับประเทศที่ WEIRD-er น้อยกว่า (ประเทศยากจน) เยียนและผู้ร่วมงานของเธอพยายามเปรียบเทียบทัศนคติต่อความยากลำบากควบคู่ไปกับความสัมพันธ์ของพวกเขาและอัตลักษณ์
นอกจากนี้พวกเขายังวัดขอบเขตที่กลุ่มตัวอย่างออนไลน์ของผู้เข้าร่วมที่เป็นผู้ใหญ่ที่เชื่อในกรอบสังคม ผู้ที่มีอำนาจสูงส่ง และเชื่อในลัทธิอนุรักษนิยม ด้วยการให้คะแนนจากคำถามในหัวข้อ 3 ระดับ ตั้งแต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง (1) ถึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง (6) คะแนน ดังนี้
[มองความยากลำบากตามความสำคัญ]
1. บางครั้งหากงานนั้นรู้สึกว่ายากสำหรับฉัน สัญชาตญาณของฉันจะบอกว่ามันสำคัญสำหรับฉันจริงๆ
2. หากรู้สึกว่ายากที่จะบรรลุเป้าหมาย ฉันมักจะคิดว่ามันอาจเป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับฉัน
3. เมื่อรู้สึกว่างานยาก ประสบการณ์ของความยากลำบากบางครั้งบอกฉันว่าการประสบความสำเร็จในงานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับฉัน
4. บ่อยครั้งเมื่อรู้สึกว่าบรรลุเป้าหมายได้ยาก กลับกลายเป็นว่าคุ้มค่ากับความพยายามของฉัน
[มองว่าความยากลำบากเท่ากับความเป็นไปไม่ได้]
1. บางครั้งหากรู้สึกว่างานนั้นยาก สัญชาตญาณของฉันจะบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับฉัน
2. หากรู้สึกว่ายากที่จะบรรลุเป้าหมาย ฉันมักจะคิดว่าเป้าหมายนั้นอาจไม่เหมาะกับฉัน
3. เมื่อรู้สึกว่างานยาก ประสบการณ์ความยากลำบากบางครั้งบอกฉันว่าการประสบความสำเร็จในงานนั้นเป็นไปไม่ได้สำหรับฉัน
4. บ่อยครั้งเมื่อรู้สึกว่าบรรลุเป้าหมายได้ยาก กลับกลายเป็นว่าอยู่นอกเหนือความสามารถของฉัน
[มองว่าความยากลำบากเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง]
1. ในทางหนึ่ง ความยากลำบากที่ฉันมีในวันนี้กำลังเสริมสร้างบุคลิกของฉันให้เข้มแข็งเพื่อเผชิญกับความท้าทายในวันพรุ่งนี้
2. การเผชิญความยากลำบากทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น
3. การเผชิญความยากลำบากคือครูที่แข็งแกร่งที่สุด อาจจะรู้สึกพังชั่วคราวแต่ระยะยาวจะดีขึ้น
4. ชีวิตไม่ได้สมบูรณ์หากปราศจากความลำบากและความทุกข์ทรมาน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้คนในประเทศยากจนมีแนวโน้มในการสนับสนุนทัศนคติแบบ ‘มองว่าความยากลำบากเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง’ มากกว่า ซึ่งมีรากฐานมาจากความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม
เช่น กรรมและจิตวิญญาณ และยังสัมพันธ์กับอัตลักษณ์ที่ฟื้นตัวได้ บรรดาผู้ที่สนับสนุนกรอบความคิดนี้มองว่าตนเองเป็น ‘คนที่มีมโนธรรม มีคุณธรรม และมองโลกในแง่ดี ซึ่งดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมายและมีความหมาย’
นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาจากทีมวิจัย นำโดย The University of Texas at Austin แสดงให้เห็นว่าความยากลำบากของชีวิตสามารถช่วยสร้างตัวตนได้เมื่อคุณคิดถึงความสำเร็จและความล้มเหลว คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเอาชนะความท้าทายได้หรือไม่
แต่คำถามคือว่าเราปล่อยให้มันแทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองหรือไม่ ระดับกรอบความคิดที่ยากลำบากให้ข้อความที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการคิดและความท้าทายที่ดูเหมือนจะผ่านไปไม่ได้ ซึ่งปรากฏขึ้นตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน
จากทั้งสองการศึกษานี้ สามารถสรุปได้ว่า กรอบความคิดทางสังคมและวัฒนธรรมของสังคมที่เราอาศัยอยู่ มีผลต่อทัศนคติการเผชิญหน้ากับความยากลำบากในชีวิตซึ่งคนที่มองว่า ‘ความยากลำบากเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง’ จะสามารถรับมือ เผชิญหน้า ก้าวผ่านและพัฒนาตัวเองให้เป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้นได้
พูดง่ายๆ ว่า พวกเขามองเห็นโอกาสหรือความเป็นไปได้ในความยากลำบากและความท้าทายนั้น โดยที่ไม่ยอมให้ความยากลำบากนั้นเข้ามาแทรกแซงคุณค่าของตัวเอง
กล่าวคือ ต่อให้ลำบากแค่ไหน หรือเมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาตรงหน้าแล้วล้มเหลวขึ้นมา คนที่มองว่าตัวเองสามารถพัฒนาได้จะยังคงพัฒนาตัวเองต่อไป และมองว่าความล้มเหลวนั้นเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคย่อยที่ต้องเอาชนะให้ได้ เหมือนกับการเล่นเกมที่เราต้องสู้กับเหล่าศัตรูลูกกระจ๊อกตัวร้ายก่อนจะไปล้มลาสต์บอสในแต่ละด่านนั่นเอง
ดังนั้น เราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ จะไปถึงเป้าหมายหรือเปล่า หรือจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้ในระดับใด แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมจะมีผลมากมายแค่ไหน สิ่งสำคัญคือ ‘มุมมองและทัศนคติ’ ในการเผชิญหน้ากับมันเป็นอย่างไร
หากเห็นความเป็นไปได้ไม่ว่าจะเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ คนที่มองเช่นนี้ก็จะยังคงพัฒนาและพยายามฝ่าฟันความยากลำบากนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเป้าหมาย