ตลาดเช่าพลิกฟื้น ผู้เช่าหันเลือกคอนโด "Fully Furnished" ไซส์กลาง
ตลาดเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อพฤติกรรมผู้เช่าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยเน้นความสะดวกสบายและความคุ้มค่ามากกว่าการเป็นเจ้าของ ขณะที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวต้นปีที่ผ่านมากระทบตลาดเช่าคอนโดเพียงชั่วคราว ก่อนฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ระบุว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศในไตรมาส 1 ปี 2568 มีจำนวน 65,276 หน่วย ลดลง 10.5% และมูลค่า 181,545 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความท้าทายในตลาดซื้อขาย
ในทางตรงกันข้าม ตลาดเช่ายังแสดงสัญญาณการปรับตัวที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เช่าที่หันมาให้ความสำคัญกับปัจจัยใหม่ๆ DDproperty แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เผยอินไซต์ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน) พบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เช่าอย่างชัดเจน โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกหาที่อยู่อาศัยแบบ "Fully Furnished" หรือพร้อมเข้าอยู่ ซึ่งตอบโจทย์ความสะดวกและความประหยัด
ซึ่งส่วนใหญ่เน้นมองหาที่พักขนาดกลาง 2 ห้องนอน และอยู่ชานเมืองใกล้แนวรถไฟฟ้า สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนความต้องการจากเดิมที่เน้นทำเลในใจกลางเมืองราคาแพง มาเป็นการหาสมดุลระหว่างความสะดวกและราคาที่เหมาะสม
ทำเลยังคงเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเมื่อต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัย โดยทำเลที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เป็นการยืนยันเทรนด์การเช่าที่เน้น Transit-Oriented Development
แม้จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวช่วงต้นปี 2568 แต่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยแนวดิ่งเพียงระยะสั้นเท่านั้น แม้ความต้องการซื้อคอนโดจะลดลง 31% ในเดือนเมษายน แต่ก็พลิกกลับมาเพิ่มขึ้น 5% ในเดือนพฤษภาคมได้
การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารสูงในประเทศไทย และการที่ความต้องการที่พักเช่าเป็นความจำเป็นพื้นฐานที่ไม่สามารถเลื่อนเวลาได้นาน
ประกอบกับ REIC ได้เปิดเผยว่าว่า มาตรการของรัฐบาลในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราวของธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีส่วนสนับสนุนให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568
ข้อมูลจาก REIC ยังชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ปี 2567 พบว่ามีหน่วยคอนโดมิเนียมเหลือขายสะสมกว่า 80,000 หน่วย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์นี้กลายเป็นโอกาสสำคัญของตลาดเช่า เมื่อเจ้าของโครงการและนักลงทุนที่ซื้อคอนโดมิเนียมไว้จำนวนมากกำลังหันมาปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้แทนการรอขาย ส่งผลให้ซัพพลายในตลาดเช่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของซัพพลายนี้ไม่ได้ทำให้ราคาเช่าลดลง แต่กลับทำให้ผู้เช่ามีทางเลือกมากขึ้น และสามารถต่อรองเงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น การเช่าแบบ Fully Furnished ในราคาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ อุปสงค์ในตลาดเช่าคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในทำเลศักยภาพอย่างใจกลางเมือง (CBD) และบริเวณใกล้เคียงรถไฟฟ้า ส่งผลให้ค่าเช่าในบางพื้นที่เริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้น
ข้อมูลจาก Global Property Guide ระบุว่า อัตราผลตอบแทนจากการเช่ารวม (Gross Rental Yield) ในกรุงเทพฯ ปี 2568 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 6.05% ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 4.5% ในปี 2566 โดยอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นนี้เป็นสัญญาณบวกสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีคอนโดเหลือขายและพิจารณาเปลี่ยนกลยุทธ์จากการรอขายเป็นการปล่อยเช่าระยะยาว
ตลาดเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568 กำลังเผชิญการปรับเปลี่ยนที่สำคัญ จากการที่ผู้เช่าเปลี่ยนพฤติกรรมเน้นความสะดวกและความคุ้มค่า พร้อมทั้งได้รับประโยชน์จากสต็อคคอนโดเหลือขายจำนวนมากที่หันมาปล่อยเช่า ารฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว และอัตราผลตอบแทนการเช่าที่เพิ่มขึ้นเป็น 6.05% ล้วนเป็นสัญญาณบวกที่แสดงถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของตลาดเช่าในอนาคต