ศึก ‘เทค-โทรคมนาคม’ เดือด ทรู-AIS ปรับใหญ่ชิง ‘ลูกค้าบ้าน’

ยิ่งต่อสู้ ยิ่งชนะ ศึกระหว่าง 2 ยักษ์ “ทรู-เอไอเอส” บิ๊กอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย ที่ช่วงชิงแข่งขันในทุกด้าน ทั้งประมูลคลื่นความถี่, การให้บริการเครือข่าย, การตลาด และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักที่ไม่มีใครมาเทียบ

ปรับสายงานยกแผง

ล่าสุด “ซิกเว่ เบรกเก้” ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ประกาศปรับสายงานบริหารทั้งหมด โดยโยก C Level เพิ่มเป็น 13 คน เพื่อความคล่องตัวและทันสมัย ทั้งโฟกัสลูกค้าให้มากขึ้น

ขณะที่ผลประกอบการก็ดีวันดีคืน พลิกทำกำไรได้ พร้อมเตรียมให้ “เงินปันผล” เป็นครั้งแรก หลังควบรวมกับ “ดีแทค”

หัวใจของการปรับโครงสร้างครั้งนี้ มีที่น่าจับตาคือ

1.จะไม่มีหัวหน้าผู้บริหารฝ่าย “ตลาด” หรือ Chief Marketing Officer (CMO) โดยตรง

2.การตั้งหัวหน้าผู้บริหารใหม่ จาก 11 เป็น 13 คน โดยเพิ่ม Chief Data and AI Officer และ Chief IT Officer ถือเป็นจุดเปลี่ยนวัฒนธรรมที่สำคัญ ที่เน้นแผนโฟกัสธุรกิจในช่วง 6 เดือน และแผนระยะยาวนับจากนี้

เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกในสมรภูมิใหม่ “เทคโนโลยี AI” ทำให้องค์กรต้อง “จัดทัพใหม่” เพื่อรับมือกับ AIS ที่ได้จัดทัพใหญ่องค์กรไปแล้วก่อนหน้า

ไร้ CMO โฟกัสลูกค้า

“ซิกเว่” กล่าวว่า การแต่งตั้งทีมผู้บริหารในโครงสร้างใหม่ องค์กรมีเป้าหมายชัดเจน (Focused Organization) ที่จะลดขั้นตอนเรื่องการตัดสินใจ ทั้งส่งเสริมความเรียบง่าย เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะการตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก รวมถึงสภาพตลาดและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว การเปลี่ยนแปลงจึงมีนัยสำคัญต่อการบริหารงาน เพราะทำให้ช่องทางที่เชื่อมโยงกับลูกค้า ทั้งสาขา แอป คอลเซ็นเตอร์ และอื่น ๆ ถูกรวบมาไว้ในสายงานเดียวกัน

โดยมี “มนัสส์ มานะวุฒิเวช” อดีตซีอีโอทรู ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านประสบการณ์ลูกค้าและธุรกิจรีเทล รับผิดชอบบริหารจัดการ งานขายและงานบริการทุกช่องทาง

ส่วน “ชารัด เมห์โรทรา” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจลูกค้าบุคคล ดูแล Customer Value Management นำผลิตภัณฑ์ที่ทรูมีอยู่แล้ว ส่งมอบให้ลูกค้าเฉพาะบุคคลด้วยคุณค่าสูงสุดอย่างเต็มรูปแบบ

“คูรัม อัชฟาค” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเครือข่าย พัฒนาเครือข่ายอัตโนมัติด้วย AI จะสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยการใช้งานบนเครือข่ายที่เหนือชั้น ที่เรียกว่า Unmatched Network Experience

ทั้งมีการแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Chief Data and AI Officer) เพื่อขับเคลื่อน AI First Company เต็มรูปแบบ

ในส่วนนี้ดาต้าของลูกค้า ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ แอปพลิเคชั่น และคอลเซ็นเตอร์ จะเชื่อมต่อกันเป็นระบบ พร้อมพัฒนาสินค้าไปอีกระดับ โดยมี “ชารัด” เป็นผู้นำเสนอแก่ลูกค้าคนพิเศษ

ขณะที่ C-Level ตำแหน่งใหม่คือ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ Chief IT รับหน้าที่บริหารจัดการ IT โดยเฉพาะ เพื่อออกแบบระบบการจัดการ ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

โดยใช้ IT เร่งขับเคลื่อนองค์กรด้วย Automation ลดงานซ้ำซ้อน-เพิ่มความแม่นยำ ดึงศักยภาพพนักงานไปโฟกัสกับการสร้างคุณค่าให้ลูกค้า

ทั้ง Chief Data และ AI Officer เน็ตเวิร์ก ไอที ต้องวางรากฐานการทำงานแบบ AI First ซึ่งองค์กรทรูต้องอัพสกิลพื้นฐาน AI แบ่งเป็น 60% ของพนักงานทั้งหมด ระดับกลาง 30% อีก 10% เป็นกลุ่มที่มีทักษะ AI ระดับสูง เพื่อเร่งวางรากฐานให้ TRUE เป็นบริษัทเทคที่ก้าวสู่ยุค AI เต็มรูปแบบ

“การไม่มี CMO เนื่องจากแผนการขายและการทำมาร์เก็ตติ้ง กระจายอยู่แต่ละสายธุรกิจแล้ว เราปรับกลยุทธ์ให้ตรงกับผู้บริโภคมากที่สุด จึงต้องปรับช่องทางลูกค้าให้รวมอยู่ที่จุดเดียว”

“ซิกเว่” เสริมว่า กลยุทธ์ระยะยาว จะเป็นการ Win the Home เพราะ 5-6 ปีข้างหน้า ปริมาณดาต้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ จะเชื่อมโยงกับบ้าน ทั้ง IOT และเอ็นเตอร์เทนเมนต์

ดังนั้น TRUE จะไม่ได้ขายแค่อินเทอร์เน็ต หรืออุปกรณ์ หรือแพ็กเกจความบันเทิง แต่เราต้องการชนะทั้งหมดจากในบ้าน ซึ่งนับวันอุปกรณ์จะมีมากขึ้น โอกาสก็มากขึ้น

การปรับทัพธุรกิจบรอดแบรนด์ ที่เปลี่ยน “ฐานพล มานะวุฒิเวช” อดีต CMO มาเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหาร “โฮม คอนเน็กทิวิตี้” เพื่อนำเสนอดิจิทัลไลฟ์สไตล์ครบวงจร ตั้งแต่บรอดแบนด์ บันเทิง สมาร์ทโฮม จะตอบโจทย์ทั้งตลาดถึง 23 ล้านครัวเรือน

ขณะที่ “ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร จะเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ดิจิทัล เพื่อเป็นพาร์ตเนอร์เทคโนโลยีอันดับหนึ่งที่องค์กร และ SMEs วางใจ

ทรูมุ่ง 5 แกนหลัก

ทั้งหมดคือเป้าหมาย One True Experience ภายใต้ 5 แกนหลัก ซึ่งทรูใหม่จะเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

1.ผู้นำด้านประสบการณ์ลูกค้า มีศักยภาพเข้าถึง เข้าใจ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็ว 2.บริการดิจิทัล เพื่อความสุขในบ้าน ตอบสนอง 23 ล้านครัวเรือน 3.เร่งเปลี่ยนผ่านธุรกิจลูกค้าองค์กรสู่ดิจิทัล นำเสนอโซลูชั่นที่พิสูจน์ได้ในทางธุรกิจและการเงิน

4.ขับเคลื่อนอนาคตด้วย AI วางยุทธศาสตร์ AI-First Company สร้างจุดแข็งในระยะยาว และ Cloud First เน้นใช้โครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศแบบคลาวด์ 5.มุ่งเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ปลดล็อกข้อจำกัดระบบเดิม เพื่อความคล่องตัวและปรับตัวให้รวดเร็ว

ทั้งนี้ การสร้าง Digital & Omnichannel Customer Journey จะเป็นหัวใจสำคัญของการยกระดับแบบไร้รอยต่อในทุกช่องทาง

“ซิกเว่” ย้ำว่า ตั้งเป้าเชื่อมโครงข่าย One Network 100% ภายในเดือนกันยายน 2568 จะทำให้ลูกค้าได้รับสัญญาณ 5G/4G ดีขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น

โดยคลื่นความถี่ 2300 MHz ที่ประมูลมาล่าสุด 70 MHz มีความจุเพิ่มขึ้นอีก 10 MHz จะดีขึ้น 17% ทันที และคลื่น 2300 MHz รองรับ 5G ได้ในอนาคต

ทรูจะใช้งาน 5G บนคลื่น 2600 MHz ด้วยการใช้เทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) จะช่วยให้การใช้งาน 5G และ 4G ยืดหยุ่นตามสัดส่วน และ 5G จะเปิดให้บริการเต็มศักยภาพแบนด์วิดท์ทั้ง 90 MHz และเริ่มใช้คลื่นใหม่ 1500 MHz เพิ่มความจุดาวน์ลิงก์ ร่วมกับคลื่นย่านความถี่ต่ำของแบนด์อื่น

“บริการดิจิทัล ลูกค้าทุกรายจะทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชั่นได้ครบทุกรูปแบบ ซึ่งต้นปีมานี้ลูกค้าหันมาใช้ช่องทางดิจิทัลแล้ว 19% และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”

AIS ปรับสู่โหมดธุรกิจใหม่

ขณะที่คู่แข่งอย่าง AIS ได้ปรับทัพทีมรองซีอีโอ เพื่อโฟกัสงาน 3 สายบริหาร ใน 6 กลุ่มธุรกิจไปแล้วก่อนหน้านี้

ท่ามกลางสมรภูมิโทรคมนาคมที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ “AI-เทคคอมปะนี” เพื่อชิงลูกค้าจาก “ในบ้าน” เช่นกัน

หลังการต่ออายุของ “สมชัย เลิศสุทธิวงค์” ซีอีโอปีที่ 12 คือการก้าวเข้าสู่ “Next Horizon” มีจุดเริ่มต้นจากการทรานส์ฟอร์มองค์กร Telecom Services Provider สู่ Digital Life Services Provider ขยายลงทุนสู่ธุรกิจ “ฟิกซ์บรอดแบนด์” ทำให้ AIS มีทั้งธุรกิจโมบายและฟิกซ์บรอดแบนด์

ทั้งประกาศจุดยืนการเป็น Cognitive Tech Co องค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ ที่ใช้ศักยภาพเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในการแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพชีวิต

โดยมุ่งทรานส์ฟอร์ม ไม่ใช่ประยุกต์ใช้เอไอเป็นจุด ๆ หรือทดลองแบบแยกส่วน แต่ขับเคลื่อนพร้อมกันทั้งองค์กร วางกรอบเฟรมเวิร์ก AI Sustainable Nation เป็นแกนกลาง

ไม่ใช่แค่ธุรกิจโมบาย ฟิกซ์บรอดแบนด์ และธุรกิจองค์กรยังขยายไปธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งค้าปลีก ที่ดึงคนนอกเข้ามาดูแล ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอนเทนต์ด้านความบันเทิง

ที่สำคัญ “ธุรกิจการเงินดิจิทัล” ที่เพิ่งได้ไลเซนส์ Virtual Bank จากแบงก์ชาติ รวมถึงธุรกิจใหม่ ๆ ในยุคคลาวด์-เอไอ ที่ลงทุนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ระดับ Hyperscaler ร่วมกับยักษ์ใหญ่ของโลก Oracle ขยายการให้บริการองค์กรและเป็นโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีรุ่นใหม่

โดยธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานใหม่ มีรายได้ในไตรมาส 2/2568 เพิ่มขึ้น 17%

การปรับโครงสร้างภายในล่าสุด ธุรกิจหลัก 6 กลุ่ม มีการตั้งทีมบริหาร 3 ด้านคือ Core Business, New Business และงานสนับสนุนต่าง ๆ ทั้งเรื่องคนและการปฏิบัติการ

ทั้ง 3 คน จะเป็น “รองซีอีโอ” ได้แก่ “ปรัธนา ลีลพนัง” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ “ธีร์ สีอัมพรโรจน์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการเงิน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจบรอดแบนด์ และ “กานติมา เลอเลิศยุติธรรม” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจองค์กรและทรัพยากรบุคคล

สู้กันจากใน “บ้าน”

สิ่งที่ “ทรู” และ “เอไอเอส” โฟกัสตรงกันคือ วางยุทธศาสตร์ AI เป็นแกนกลาง เพื่อเปลี่ยนตัวเองจากบริษัทโทรคมนาคมสู่บริษัทเทคโนโลยีใหม่ จะเรียกว่า “เทเลคอม-เทค” หรือ “ค็อกนิทีฟเทคโค” ก็ได้

แต่การเจาะตลาดใหม่ทั้งคู่ได้ปรับโฟกัสช่วงชิงลูกค้าบ้านเป็นหลัก ซึ่งมีอยู่ 23 ล้านครัวเรือน ไม่รวมคอนโดฯ หอพัก และพื้นที่อาศัยอีกมากที่มีแนวโน้มจะเพิ่มอุปกรณ์และขยายโซลูชั่นด้านความบันเทิง

ในฝั่งอุปกรณ์ IOT อย่างกล้องซีซีทีวี ลำโพงบาร์ ทีวี ฯลฯ ยังไม่เห็นความรุนแรงเท่ากับ “คอนเทนต์”

“ทรู” แม้จะมี “ทรูวิชั่นส์” และ “ทรูไอดี” พร้อมปรับทัพปรับกลยุทธ์ใหม่ แต่ “เอไอเอส” ก็เดินหน้ารุกหนักไปแล้ว โดยรวมไอพีทีวีของ 3BB กับ AIS Play และเป็นพาร์ตเนอร์กับ Monomax ที่หนักสุดคือ การกว้านซื้อลิขสิทธิ์กีฬาชั้นนำอย่างพรีเมียร์ลีก และไทยลีก ล่าสุด ได้อเมริกันฟุตบอลมาเติมพอร์ตความบันเทิงด้วย

การแข่งขันด้านคอนเทนต์ของ AIS ทำให้ทรูวิชั่นส์ต้องปรับใหญ่ ต้องรีแบรนด์เป็น Now พร้อมอัดแพ็กเกจราคาเพื่อดึงลูกค้าไว้

แม้คอนเทนต์เป็นส่วนหนึ่งในการชิงลูกค้าจาก “ในบ้าน” แต่แนวโน้มการแข่งขันจากนี้ จะไม่ได้โฟกัสการขายแพ็กเกจสัญญาณทั้งโมบายและฟิกบรอดแบนด์ แต่จะมีการอัพเซลสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ “บ้าน” อย่างดุเดือด ควบคู่ไปด้วย

ซึ่งผลประกอบการล่าสุด ผู้ใช้บรอดแบนด์ซึ่งเป็นพื้นฐานของธุรกิจเกี่ยวกับบ้าน ไตรมาส 2/2568 ทั้ง AIS และ TRUE มีลูกค้าบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น โดย AIS เพิ่ม 67,900 ราย เป็น 5.14 ล้านราย ขณะที่ “ทรู” เพิ่มขึ้น 2.3% เทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 3.8 ล้านราย

พลิกกำไร-ปันผล

ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 AIS มีรายได้รวม 56,044 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10,982 ล้านบาท ฐานผู้ใช้บริการ 46 ล้านเลขหมาย เตรียมจ่ายปันผลในอัตรา 6.89 บาทต่อหุ้น

ส่วน TRUE มีรายได้ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย 4.11 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 2.0 พันล้านบาท จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เหลือ 47.5 ล้านเลขหมาย ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

“นกุล เซห์กัล” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น แจงว่า บริษัทมีแผนจะปันผลระหว่างกาล งวดรอบ 9 เดือนในปลายปี 2568 เป็นการจ่ายครั้งแรกหลังควบรวมธุรกิจ

ซึ่งนโยบายการปันผลไม่ต่ำกว่า 50% จากผลประกอบการล่าสุดของ TRUE ทำกำไรได้ 2 ไตรมาสติดต่อกัน ส่งผลให้กระแสเงินสด TRUE เป็นบวก หนี้สินต่อ EBITDA ดีขึ้นอยู่ที่ 4 เท่า จากเดิม 5.7 เท่า วางเป้าให้หนี้สินต่อ EBITDA อยู่ที่ 3.2 เท่า ภายในปี 2570

โดยปีนี้ 2568 ตั้งเป้าการเติบโตของ EBITDA อยู่ที่ 7-8% จากการได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ใหม่ 2300 MHz และ 1500 MHz จำนวน 20 MHz

มีผลตั้งแต่ 4 ส.ค. 2568 เป็นเวลา 15 ปี คาดว่าจะมีผลเชิงบวกและประหยัดต้นทุนได้ 5,300 ล้านบาทต่อปี

ซึ่งงบฯลงทุน (CAPEX) อยู่ที่ 16% ของรายได้รวมบริษัท ในอนาคตมีแผนจะลดต้นทุนส่วนของงบฯลงทุนให้เหลือ 13-14% ซึ่งปัจจุบัน TRUE มีงบฯลงทุน 30,000 ล้านบาทต่อปี

สรุป TRUE เริ่มมีสุขภาพการเงินดีขึ้น ส่วน AIS ดีมานานแล้ว การแข่งขันของทั้งคู่ ย่อมหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องเต้นฟุตเวิร์กให้ลูกค้าเห็นว่า “ทำเพื่อลูกค้า ลูกค้าคือหัวใจ”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ศึก ‘เทค-โทรคมนาคม’ เดือด ทรู-AIS ปรับใหญ่ชิง ‘ลูกค้าบ้าน’

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net