‘ภูมิธรรม’ ย้ำรัฐบาลไม่ทอดทิ้งประชาชน เร่งเบิกจ่ายเยียวยา-ฟื้นฟูบ้านเรือนชายแดน
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย- กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยรัฐบาลได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน 45 อำเภอ 336 ตำบล 4,081 หมู่บ้าน (จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด) เพื่อให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณ ดำเนินการในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และครบถ้วน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากข้อมูลสำรวจความเสียหายของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กระทรวงมหาดไทย (ศบ.ทก.มท.) รายงานว่า มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบจำนวน 315,476 ครัวเรือน และประชาชนได้รับผลกระทบ 779,379 คน โดยกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 617,335,499.77 บาท โดยแบ่งเป็นกรณีผู้เสียชีวิต ได้ให้การช่วยเหลือ 17 ราย เป็นจำนวนเงิน 18,108,658.57 บาท กรณีผู้บาดเจ็บได้ให้การช่วยเหลือ 36 ราย เป็นจำนวนเงิน 351,788 บาท
“ในส่วนของการใช้จ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 201,371,391 บาท แบ่งเป็น วงเงินเชิงป้องกัน หรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 10 ล้านบาท ได้ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 2,952,600 บาท เป็นค่าซ่อมแซมและก่อสร้างหลุมหลบภัยใน จ.สุรินทร์ วงเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย 20 ล้านบาท และวงเงินขยาย 100 ล้านบาท ได้ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 198,418,791 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือด้านการดำรงชีพ และด้านการปฏิบัติงาน ใน 6 จังหวัด (จ.บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี สระแก้ว และ จ.ตราด)” นายภูมิธรรม กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหาย แล้วเสร็จ 533 หลัง เป็นจำนวน 18,668,372 บาท และได้มีการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ในส่วนของค่าไฟฟ้าให้แก่พี่น้องประชาชน จำนวน 278,506 ราย เป็นจำนวนเงิน 392,000,000 บาท และช่วยเหลือค่าน้ำประปาให้แก่ประชาชนจำนวน 21,361 ราย และ 138 ศูนย์พักพิงชั่วคราว เป็นจำนวนเงิน 10,893,597.77 บาท ด้วย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการอย่างรอบด้าน ทั้งการจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บให้ครบถ้วนตามสิทธิ การดูแลความปลอดภัย สำรวจความเสียหาย การซ่อมแซมและฟื้นฟูบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมถึงจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือการดำรงชีพอย่างต่อเนื่อง พร้อมติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกครัวเรือนสามารถรับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง และเป็นธรรมมากที่สุด