สมศักดิ์ เปิดประชุมยกระดับดูแลภิกษุอาพาธ ชี้หากพระกว่า 2.7 แสนรูป 'นับคาร์บ' ได้จะเกิดประโยชน์มหาศาล
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานฝ่ายฆราวาส เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนการจัดระบบบริการทางการแพทย์ที่เอื้อต่อพระธรรมวินัยในสถานบริการสาธารณสุข โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรจากสำนักงานเขตสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการพระสงฆ์ เข้าร่วมกว่า 600 คน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พระพุทธศาสนาอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน มีพระภิกษุสงฆ์เป็นศูนย์รวมจิตใจและจรรโลงสังคมให้สงบร่มเย็น ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์แบบองค์รวมมาโดยตลอด ทั้งการรักษาโรค การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยเฉพาะเมื่อยามที่พระภิกษุสงฆ์อาพาธ การดูแลรักษาต้องมีความละเอียดอ่อนและสอดคล้องกับหลักพระธรรมวินัย จึงมีการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของพระภิกษุสงฆ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลรัฐมีระบบบริการสำหรับพระสงฆ์อย่างชัดเจน เช่น มีตึกสงฆ์อาพาธที่สามารถดูแลรักษาพยาบาลที่เอื้อต่อพระธรรมวินัย มีระบบการจัดการรักษาพยาบาลและส่งต่อที่ครอบคลุม สามารถให้บริการพยาบาลที่แยกระหว่างพระสงฆ์กับฆราวาสได้อย่างชัดเจน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โรงพยาบาลสงฆ์ได้ตรวจประเมินและรับรองโรงพยาบาลที่มีการจัดบริการสุขภาพพระสงฆ์อาพาธที่เอื้อต่อพระธรรมวินัยแล้ว 53 แห่ง โดยตั้งเป้าหมายให้มีการตรวจประเมินครบ 100% ในปี 2569 จำนวน 125 แห่ง ครอบคุลม โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ เพื่อเป็นการรับรองมาตรฐานให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ส่งผลให้พระภิกษุสงฆ์-สามเณรสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกใจ ไม่เกิดความกังวล หรือต้องอาบัติทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ พร้อมจัดทำโครงการขับเคลื่อนการจัดระบบบริการทางการแพทย์ที่เอื้อต่อพระธรรมวินัยในสถานบริการสาธารณสุข เพื่อให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ สามารถอุปัฏฐากพระสงฆ์อาพาธที่เอื้อต่อพระธรรมวินัยได้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการโครงการถวายการดูแลสุขภาพให้กับพระภิกษุสงฆ์และสามเณร 72,000 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และปีนี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องในรูปแบบต่างๆ เช่น วัดส่งเสริมสุขภาพ อบรมพระคิลานุปัฏฐาก กุฏิชีวาภิบาล คัดกรองและจัดทำฐานข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การจัดระบบการรักษา ซึ่งไม่เพียงแต่การสร้างช่องทางด่วน (Fast Track) เท่านั้น แต่ยังสร้างระบบบริการ ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยอีกด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบาย การดูแลสุขภาพพระสงฆ์และสามเณร ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ในสถานบริการสาธารณสุขทุกระดับ ทั่วประเทศและขอให้ทุกท่านช่วยกันยกระดับงาน ด้านการดูแลสุขภาพพระสงฆ์และสามเณรต่อไป ทั้งนี้ สำหรับป่วย NCDs ต้องเอาให้อยู่หมัด คนเราเกิดมาธรรมชาติให้มีอายุยืนยาว แต่ต้องดูแลไม่ให้หลอดเลือดอักเสบ ไม่อดนอน ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์มากเกินไป หลักใหญ่ที่สุดจะไปสอนผู้คนที่เข้าคอร์สกับเรา เอาเรื่องเดียวคือ คาร์บโบไฮเดรต ไม่ให้เกิน 20 เปอร์เซ็น กินเป็นไม่ป่วย สวยหล่ออายุยืน ทำได้ทุกคน อย่าไปเสียเวลาอย่างอื่น เน้นเรื่องคาร์บโบไฮเดรต
“ถ้าพระพระภิกษุสงฆ์ 270,000 กว่ารูป เข้าใจเรื่องนับคาร์บ ก็จะมีประโยชน์มหาศาล สามารถเทศนาให้กับประชาชนรับฟังว่าการบริโภคอาหารควรเป็นอย่างไร โดยเฉพาะญาติโยมที่ใกล้ชิดทำอาหารถวาย ถ้าไม่เข้าใจก็จะทำให้อาพาธมากยิ่งขึ้นการออกกำลังกายสำหรับพระไม่ได้ง่ายเพราะต้องสำรวม จึงไม่ควรฉันภัตตาหารเกินสัดส่วนความต้องการของร่างกาย และในปีหน้าจะมีนโยบายให้คนไทยมีอายุ 100 ปี อาจจะเขียนเป็นนโยบายให้ดำเนินการต่อไป” นายสมศักดิ์กล่าว
สมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวว่า กายสังขารของมนุษย์มีความไม่เที่ยง มีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา พระภิกษุสงฆ์ก็มิอาจหลีกพ้นจากกฎธรรมชาตินี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงให้ความสำคัญกับการดูแลภิกษุไข้เป็นอย่างยิ่ง ทรงมีพุทธดำรัสว่า “โย ภิกฺขเว มํ อุปฏฺฐเหยฺย โส คิลานํ อุปฏฺฐเหยฺย” แปลความว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดปรารถนาจะอุปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงอุปัฏฐากภิกษุไข้เถิด” พุทธพจน์นี้ได้เชิดชูให้เห็นว่า การดูแลเยียวยาพระภิกษุผู้เจ็บป่วยนั้น มีอานิสงส์สูงส่งเทียบเท่ากับการได้อุปัฏฐากองค์พระศาสดาด้วยตนเอง ทั้งนี้ พระธรรมวินัยเป็นเครื่องร้อยรัดให้หมู่สงฆ์มีความงดงาม เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของสาธุชน การที่พระภิกษุอาพาธต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทั่วไป บางครั้งอาจเกิดความไม่สะดวกหรือสุ่มเสี่ยงต่อการประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระวินัยได้โดยสมบูรณ์
สมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้จึงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ด้วยการสร้างความรู้ความเข้าใจและวางแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญโดยตรง สามารถจัดบริการที่เกื้อกูลต่อสมณเพศได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และขอชื่นชมโรงพยาบาลสงฆ์ที่เป็นต้นแบบในการดูแลพระภิกษุสงฆ์อาพาธตามหลักพระธรรมวินัยมาอย่างยาวนาน การที่กระทรวงสาธารณสุขได้ขยายผลองค์ความรู้และประสบการณ์จากโรงพยาบาลสงฆ์ไปสู่โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ ถือเป็นกุศลเจตนาอันประเสริฐยิ่งและเป็นการแสดงออกถึงความเอาใจใส่ในการอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสถาพรสืบไป ขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ผู้เปรียบเสมือนผู้สืบสานพุทธปณิธานในการดูแลภิกษุไข้ ท่านทั้งหลายกำลังบำเพ็ญ “อภัยทาน” ซึ่งเป็นทานอันสูงสุด ด้วยการมอบความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพให้แก่เพื่อนมนุษย์และพระภิกษุสงฆ์
ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติปี 2568 ประเทศไทยมีพระสงฆ์ สามเณร 272,919 รูป และวัด 44,224 แห่ง จังหวัดที่มีพระสงฆ์และสามเณรมากที่สุด ได้แก่ กทม. 15,552 รูป นครราชสีมา 10,847 รูป และอุบลราชธานี 8,326 รูป ระดับเขตสุขภาพ พบว่า เขตสุขภาพที่ 9 มีพระสงฆ์มากถึง 33,826 รูป เขตสุขภาพที่ 10 มีพระสงฆ์ 24,942 รูป ประกอบกับข้อจำกัดทางพระธรรมวินัย ทำให้พระภิกษุสงฆ์ประสบปัญหาการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขจึงร่วมกับภาคีเครือข่ายพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์และการรักษาพยาบาลพระสงฆ์มาอย่างต่อเนื่อง
นพ.โอภาส กล่าวว่า สธ. มีการกำหนดกรอบการดำเนินงาน Service Plan การดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และสามเณรไว้ 8 ด้าน ซึ่งกรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลสงฆ์ได้รับมอบหมายให้จัดระบบการรักษาพระภิกษุสงฆ์ที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยและช่องทางเฉพาะ (Fast Track) เพื่อให้พระภิกษุและสามเณรทั่วประเทศสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างเท่าเทียม ทั่วถึง เหมาะสม ลดระยะเวลารอคอย ซึ่งการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างวันที่ 7-8 สิงหาคม 2568 ครั้งนี้ จะมีการระดมความคิดเห็นและสร้างแนวปฏิบัติที่ชัดเจนสำหรับบุคลากรสาธารณสุข สร้างเครือข่ายในการอุปัฏฐากพระสงฆ์อาพาธที่เอื้อต่อพระธรรมวินัยทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมในการรับการตรวจประเมินสถานบริการสาธารณสุขตามมาตรฐานอุปัฏฐากพระสงฆ์อาพาธที่เอื้อต่อพระธรรมวินัย และจัดทำชุดข้อมูลการจัดบริการทางการแพทย์ที่เอื้อต่อพระธรรมวินัยถวายรายงานแด่มหาเถรสมาคม และกระทรวงสาธารณสุข
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สมศักดิ์ เปิดประชุมยกระดับดูแลภิกษุอาพาธ ชี้หากพระกว่า 2.7 แสนรูป ‘นับคาร์บ’ ได้จะเกิดประโยชน์มหาศาล
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th