Negative Income Tax พลิกอนาคตสวัสดิการไทย ใครทำงาน รัฐเติมเงิน
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงนโยบาย “ภาษีเงินได้ติดลบ” หรือ Negative Income Tax (NIT) ที่รัฐบาลเตรียมเดินหน้าในปี 2570 ว่า ถือเป็นการปฏิรูประบบภาษีครั้งใหญ่ เพื่อเปลี่ยนจาก “ภาษี” ให้กลายเป็น “เครื่องมือสวัสดิการถ้วนหน้า” สำหรับประชาชนไทย
“ที่ผ่านมาแรงงานไทยกว่า 50% อยู่นอกระบบภาษี ไม่มีสลิปเงินเดือน ไม่ได้ยื่นภาษี และมักตกหล่นจากระบบสวัสดิการของรัฐ NIT จะทำให้แรงงานกลุ่มนี้เข้าสู่ระบบภาษี รัฐบาลได้ข้อมูลจริงเพื่อวางแผนประเทศ ลดความซ้ำซ้อนของสวัสดิการ และยังสร้างเครดิตทางการเงินให้ประชาชนใช้ในการซื้อบ้านหรือรถในอนาคต” นายศึกษิษฏ์ กล่าว
สำหรับหลักการสำคัญของ Negative Income Tax (NIT) คือ หากผู้มีรายได้ยื่นภาษีอย่างถูกต้อง แต่รายได้ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี รัฐบาลจะ “เติมเงิน” ให้แทนที่ต้องเสียภาษี กลไกนี้ถือเป็นการช่วยเหลือแรงงานที่ขยันขันแข็ง มีรายได้แต่ยังไม่มั่นคง ให้สามารถยืนหยัดในระบบเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ NIT มีข้อดีหลายด้าน เช่น รวมการหารายได้และการช่วยเหลือเป็นระบบเดียว ใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพขึ้น แก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ
จูงใจแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบภาษี สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำ
อย่างไรก็ตาม ข้อท้าทายของนโยบายนี้คือการกำหนดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ อัตราการชดเชย และการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังที่สูงเกินไป
นายศึกษิษฏ์ เน้นย้ำว่า หัวใจของนโยบาย NIT ไม่ใช่เพียง “การแจกเงิน” แต่คือ “ความแฟร์” และการสร้างแรงจูงใจ คนทำงานยิ่งได้มาก คนที่ลำบากจริงก็ไม่ถูกมองข้าม พร้อมยืนยันว่าการเดินหน้านโยบายนี้จะต้องควบคู่กับการยกระดับคุณภาพแรงงาน ค่าจ้างที่เป็นธรรม และการจ้างงานที่มีคุณภาพ
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมายภาษี แต่นี่คือการเปลี่ยนอนาคตสวัสดิการไทย เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกต่อไป” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย