“มาริษ” เยี่ยม สนง.ใหญ่ บริษัทผลิตกริพเพน
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 26 สิงหาคม 2568 เวลา 22.21 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทสวีเดน 25 ส.ค.-“มาริษ” เยี่ยม สนง.ใหญ่ บริษัทผลิตกริพเพน ชมนวัตกรรมด้านความมั่นคง ขณะ CEO Saab เผยเล็งตั้งศูนย์วิจัยในไทย สร้างความร่วมมือระยะยาว
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปยัง สำนักงานใหญ่ Saab AB ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่ Gripen โดยมี นาย Micael Johansson ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Saab AB พร้อมคณะผู้บริหารและการต้อนรับ พาเยี่ยมชม นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านความมั่นคง ของ Saab AB ภายหลังที่ไทย มีการลงนาม จัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน ร่วมกับสวีเดน Gripen E/F ระยะที่ 1 เรียบร้อยแล้ว พร้อมบรรยายถึง ศักยภาพของ Gripen E/F ที่มีความทันสมัย มีขีดความสามารถที่สูง คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Gripen E/F คือ เรดาร์ AESA (Active Electronically Scanned Array) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเรดาร์ที่ช่วยให้สามารถตรวจจับเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น มีความสามารถในการป้องกันการรบกวน และสามารถมองเห็นและติดตามเป้าหมายได้พร้อมกันหลายเป้าหมาย
ขณะที่ความสามารถในการบรรทุกอาวุธมีการเพิ่มจุดติดตั้งอาวุธ 10 จุด ทำให้สามารถบรรทุกอาวุธได้หลากหลายมากขึ้น
ซึ่งนอกจาก Gripen แล้ว บ.Saab AB ยังมีผลิตภัณฑ์ทางด้านเทคโนโลยีความมั่นคง หลายชนิด ทั้งอากาศยานไร้คนขับ (UAV) , เรือดำน้ำที่มีระบบขับเคลื่อนที่ไม่ต้องขึ้นสู่ผิวน้ำ และระบบความมั่นคงทั้งความปลอดภัยสาธารณะ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย
นาย Micael Johansson (มิคาเอล โยฮันสัน) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Saab AB ให้สัมภาษณ์ถึงประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพนครั้งนี้ (Offset Policy) ว่า โครงการความร่วมมือในเฟสแรกจะเน้นไปที่การถ่ายโอนเทคโนโลยีและความรู้เกี่ยวกับการเชื่อมโยงระบบต่างๆ (Link Capability) เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่างๆ ของไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นเรือรบ, เครื่องบินเตือนภัยทางอากาศ (Airborne Early Warning) และเครื่องบินขับไล่กริพเพน (Gripen Fighter)
นาย Micael กล่าวว่าการทำงานร่วมกันกับบุคลากรในอุตสาหกรรมและกองทัพอากาศไทยในการขยายขีดความสามารถและสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตนรู้สึกประทับใจอย่างมากกับแนวทางการทำงานของไทยและคิดว่าสวีเดนสามารถเรียนรู้จากไทยได้
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือในเรื่อง การซ่อมบำรุงอากาศยาน, การอัปเกรดขีดความสามารถของเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศ ตลอดจนด้านการศึกษา เพื่อให้วิศวกรไทยได้มีโอกาสไปเรียนรู้งานด้านการบินและอวกาศในสวีเดน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคต จะมีการตั้งสำนักงานวิจัยและพัฒนา Saab R&D Office ในไทย ซึ่งจะพัฒนาสามารถวิศวกรไทยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเองเพื่อติดตั้งในเครื่องบินได้ เนื่องจากเครื่องบินของ Saab ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มเติมได้เอง รวมถึงการใช้เทคโนโลยี AI ทั้งหมดนี้ถือเป็นความร่วมมือในระยะยาว ระหว่าง Saab กับไทย.-312.-สำนักข่าวไทย