“โฆษก กต.” ประณาม ‘กัมพูชา‘ บอก ไม่คิดว่าคนที่มีจิตวิญญาณความเป็นแม่จะอุ้มลูกออกไปในที่เสี่ยง ปม บ้านหนองจาน มอง ใช้ ปชช. เป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม
“โฆษก กต.” ประณาม ‘กัมพูชา‘ บอก ไม่คิดว่าคนที่มีจิตวิญญาณความเป็นแม่จะอุ้มลูกออกไปในที่เสี่ยง ปม บ้านหนองจาน มอง ใช้ ปชช. เป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม จวก เป็นการกระทำที่ไม่เหมือนมนุษย์ ฟาด ตีมึนพูดอย่างทำอย่าง เร่ง ส่งหนังสือประท้วงถึงสถานทูตทั่วโลก
เวลา 15.00 น. วันที่ 26 ส.ค.68 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศบริเวณ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ว่า เมื่อวานนี้(25 ส.ค.68) ตามที่หลายท่านว่า กัมพูชาได้ใช้พลเรือนซึ่งประกอบด้วยสตรี เด็ก และผู้สูงอายุ มาทำการรื้อลวดหนาม รวมทั้งก่อความวุ่นวายในพื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าบ้านหนองจานตั้งอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวของกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบในอดีตเข้ามายังประเทศไทย ภายหลังสงครามสิ้นสุดชาวกัมพูชาได้มีการขยายชุมชนออกไป ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU2543 โดยฝ่ายไทยได้คัดค้านและดำเนินการประท้วงการล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทยมาโดยตลอด แต่ฝ่ายกัมพูชาได้เพิกเฉยและไม่ได้ตอบสนองใดๆ
นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า แม้ฝ่ายไทยได้ยกเรื่องของการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนร่วมกัน รวมถึงพื้นที่บริเวณบ้านหนองจานในการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค : RBC (Regional Border Committee) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบรับ จึงขอเรียนว่าการวางลวดหนามในเขตไทยนั้นเป็นการปกป้องอธิปไตยไทย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนไทยและป้องกันไม่ให้มีการรุกล้ำเพิ่มเติมจากฝ่ายกัมพูชา อีกทั้งยังป้องกันการเข้ามาวางระเบิดโดยฝ่ายกัมพูชา
นอกจากนี้เพื่อประกันความปลอดภัยให้ประชาชนฝั่งไทย ในเฉพาะพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ในการตรวจพื้นที่เพื่อประเมินรายละเอียดที่ดินของชาวบ้านซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยของไทยและไม่ขัดต่อข้อตกลงจากการประชุมเจบีซีสมัยวิสามัญที่ผ่านมา ส่วนเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอยืนยันชัดเจน ว่าเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาปล่อยให้ประชาชนกัมพูชาทำการรื้อรั้วลวดหนาม รวมทั้งสร้างสถานการณ์ที่เป็นการยั่วยุอย่างต่อเนื่อง เช่น การตะโกนไล่ทหารไทยและแสดงท่าทีพร้อมก่อความรุนแรง และยังปรากฏภาพสตรีอุ้มทารกเข้าไปเผชิญหน้ากับทหารไทย ซึ่งทหารไทยได้ใช้ความอดทนและอดกลั้นสูงสุดในการยั่วยุต่างๆ และไม่คิดว่าฝ่ายกัมพูชาจะปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้ออกหน้าแทนทหารทั้งๆที่ในทางกลับกันฝ่ายทหารควรจะอยู่แนวหน้าเพื่อปกป้องประชาชน
ประเทศไทยขอประณามฝ่ายกัมพูชาที่ใช้ประชาชนโดยเฉพาะสตรีและเด็กบังหน้า เสมือนโล่มนุษย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมไม่สอดคล้องต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งการจัดฉากโดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือด้วย
เรื่องดังกล่าวกระทรวงการต่างประเทศกำลังมีหนังสือตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และดำเนินกรอบในคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ด้วย สำหรับฝ่ายไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กำลังจะเดินทางไปนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันนี้-28 ส.ค.68 ภารกิจสำคัญคือ การชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการที่กัมพูชาลอบวางระเบิดสังหารบุคคลในเขตอธิปไตยของไทยจนเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดแล้วหลายครั้งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาาออตตาวาอย่างร้ายแรง
นอกจากนี้นายมาริษยังจะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR)และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เพื่อย้ำว่าการดำเนินการทั้งหมดของไทยตั้งอยู่บนพื้นฐานของสิทธิมนุษยชน และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ไทยจะขอใช้โอกาสนี้แสดงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นถึงการกระทำของกัมพูชาที่ไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม และขัดต่อหลักกติกาสากลอย่างสิ้นเชิง เป็นพฤติกรรมที่กระทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเป้าหมายพลเรือน การนำเด็กมาใช้ในคลิปวิดีโอ การใช้ทุ่นระเบิด การใช้พื้นที่ชุมชนเป็นฐานที่มั่นทางการทหาร หรือการผลักดันเด็ก สตรี และผู้สูงอายุให้ออกมาเป็นหน้าด่าน รวมถึงพฤติกรรมล่าสุดในการยั่วยุเพื่อนำประชาชนมาเป็นโลห์มนุษย์
ขอย้ำว่าความปลอดภัยและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องได้รับความคุ้มครองสูงสุด ประเทศไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกลไกทุกขั้นตอนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจและความจริงใจ และจะยังคงร่วมมือกับประชาคมโลกอย่างใกล้ชิดเพื่อให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญาออตตาวาและหลักการสากล โดยเฉพาะกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหลักสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงยึดมั่นการแก้ปัญหาบนสันติวิธีบน MOU 2543 และกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ทั้ง GBC RBC และ JBC กลไกต่าง ๆ ยังทำงานยังแข่งขันและปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หวังจะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกับฝ่ายกับกัมพูชา อย่างไรก็ตามฝ่ายกัมพูชายังคงเผยแพร่ข่าวปลอมและบิดเบือนอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายความมั่นคง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังในการรับข้อมูลข่าวสารและติดตามข่าวสารที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจากช่องทางทางการ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและป้องกันการเผยแพร่ข่าวบิดเบือนต่าง ๆ ในวงกว้าง
เมื่อถามถึงกรณีที่บ้านหนองจาน ชาวกัมพูชาใช้ประชาชนเข้ามาเป็นโล่มนุษย์กดดันนอกจากจะมีการประท้วงในการทำหนังสือตอบโต้แล้วจะสามารถยกระดับการตอบโต้ได้มากกว่านี้หรือไม่ เนื่องจากอาจมีการยกพวกเกิดความรุนแรงและละเมิดข้อตกลงในที่สุด นายนิกรเดช ยอมรับว่าเป็นความวิตกว่า เราจะตอบโต้ให้ได้สัดส่วนอย่างไร เนื่องจากเรายึดมั่นว่าเราจะไม่ทำร้ายประชาชน เขาคงรู้และเอาประชาชนมาเป็นโลห์ สิ่งที่เราทำได้คือการประณามในระดับทวิภาคี และให้สถานเอกอัครราชทูตในทุกประเทศบอกว่ามีการกระทำเช่นนี้
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นการนำเด็ก สตรี และคนชราที่ไม่มีทางสู้ ออกมาเป็นแนวหน้าและทหารไปอยู่ข้างหลัง ฝ่ายไทยคงต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด เราไม่สามารถจะทำอะไรกับบุคคลเหล่านี้ได้แน่ ๆ ตามข้อตกลงและการเคารพสิทธิมนุษยชน กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เราไม่เคยมีการตอบโต้ประชาชน”
เมื่อถามว่าท่าทีของกัมพูชาสามารถนิยามได้หรือไม่ว่าคือ “การตีมึน” รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่เลือกที่จะไม่ทำ นายนิกรเดช กล่าวว่าสามารถตีความได้อย่างนั้น จะบอกว่าไม่ทราบคงไม่ใช่ เพราะเมื่อไปดูวิดีโอเทปจะเห็นว่าทหารอยู่ด้านหลัง และยุยงให้คนออกไปเป็นแนวหน้า ตามด้วยวาจา ท่าทาง และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ถือว่าเป็นการยุยงแน่ ๆ
”ผมไม่คิดว่าจะมีคนที่จะเป็นสุภาพสตรี แม่ของคนที่มีจิตวิญญาณของความเป็นแม่จะอุ้มลูกออกไปในที่สู้รบ หรือพื้นที่เสี่ยง ฝนตกเรายังไม่พาลูกออกไปข้างนอกเลย ดังนั้นมีการยุยงเกิดขึ้นแน่นอน เป็นความอันตรายที่เราพยายามจะต้องอดทนอดกลั้นเต็มที่ เป็นเหตุผลที่ผมต้องออกมาประณามว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมือนมนุษย์“
ถามต่อว่า นอกจากนี้ยังมีกลไกใดที่จะสนับสนุนฝ่ายความมั่นคงให้ผลักดันคนกัมพูชากลับสู่ประเทศของเขา นายนิกรเดช กล่าวว่า เราจะใช้กลไกทวิภาคี เพราะหากมีการปักหลักเขตแดนที่ชัดเจนก็จะป้องกันปัญหาการรุกล้ำอาณาเขต ดังนั้นการคุยใน GBC จะช่วยได้ RBC กำลังดำเนินการคุยอยู่ แม้จะไม่ครบทุกภาค แต่เป็นกลไกหลักที่ไทยจะใช้
ส่วนกลไกอื่น ๆ ไม่ใช่กลไกเชิงป้องกัน แต่เป็นกลไกเชิงปราบปราม พร้อมไปสู่กลไกพหุภาคี ทั้งกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวา และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อให้กัมพูชามีสติเข้าใจความรับผิดชอบและบทบาทให้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เหมือนพูดอย่างทำอย่าง อาจจะพูดว่าเคารพกฎหมาย แต่การกระทำเป็นหลักฐาน ดูแล้วไม่มีประเทศไหน เขาทำกันที่เอาเด็กมาเป็นแนวหน้า
ทั้งนี้กรณีที่พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้กองทัพภาคที่ 1 ทำหนังสือประท้วงมาที่กระทรวงการต่างประเทศนั้น เรา ยังไม่ได้รับและยังรออยู่ แต่ไม่เป็นไรเพราะเราไม่ต้องรอ เราดำเนินการไปแล้ว และจะมีการประท้วงไปยังประเทศกัมพูชาด้วย