“พิชิต” ย้ำจุดยืน “ไม่เอาเพื่อไทยเป็นรัฐบาล” ชี้ทุกพรรคมีบาดแผล
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน แถลงความคืบหน้าการจัดกิจกรรม "สำแดงพลัง ต้านระบอบชินวัตร" ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมกล่าวถึง การที่พรรคเพื่อไทยเดินทางไปที่พรรคประชาชนเพื่อขอความร่วมมือในการโหวตนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมบอกว่า จะยอมทุกเงื่อนไขของพรรคประชาชน และเสนอเงื่อนไขเรื่อง "ฮั้วสว." และที่ดินเขากระโดงว่า เป็นเงื่อนไขแรกที่กลุ่มรวมพลังแผ่นดินคัดค้านมาโดยตลอด ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล วิกฤติของประเทศเกิดจากพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอทิศทางร่วมมือกันฮั้วประเทศแบบนี้ ตนคิดว่าวิกฤติของประเทศจะรออยู่ข้างหน้า
สิ่งที่เป็นเงื่อนไข ที่เสนอต่อสังคม 6 ข้อและพรรคเพื่อไทย ไม่ควรเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งเรื่อง MOU การตั้งกาสิโน และพรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ ไม่งั้นประเทศไทยไม่พ้นวิกฤติ หากไม่มองไปข้างหน้า เพราะแต่ละพรรค เองก็มีบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคเพื่อไทยเอง เพราะประชาชนต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปแบบไม่มีวิกฤติ และพรรคการเมืองควรที่จะสนใจข้อเรียกร้องของประชาชนในวันนี้
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการที่พรรคเพื่อไทยพร้อมยุบสภาโดยทันที นายพิชิต กล่าวว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยพูดมาคงเป็นคำสัญญาปากเปล่า เพราะเคยให้สัญญากับประชาชนมาโดยตลอดแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นการที่จะเร่งยุบสภา มันคือการเอาใจพรรคประชาชนมากกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ประเทศชาติจะพ้นวิกฤติหรือไม่ เพราะเมื่อยุบสภาแล้วก็จะเกิดการแข่งขันในการเลือกตั้ง สุดท้ายพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชนอาจจะจับมือร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล และข้อเรียกร้องของประชาชนที่สื่อสารไป คงเป็นข้อเรียกร้องที่แต่ละพรรคยังคงปฏิเสธอยู่ ดังนั้นคงจะยังไม่พ้นวิกฤติ ถ้าพรรคการเมืองยังมีทิศทางแบบนี้
เมื่อถามว่าทางกลุ่มรวมพลังแผ่นดินตั้งธงไว้อย่างไรเพราะเพื่อไทยก็ไม่เอา ภูมิใจไทยก็ไม่เอา นายพิชิต กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของเรา แค่ไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทย จะจัดตั้งรัฐบาล อยากให้ผ่านกลไกของรัฐสภา ไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แค่ขอให้ผ่านกลไกของสภา และขอฝากไปถึงรัฐบาลที่ไม่มีพรรคเพื่อไทยถึงเรื่อง MOU 43 และ MOU44 ขอให้ยกเลิก และขอให้ยกเลิก Entertainment Complex ไม่อยากให้นำมาพิจารณาอีกครั้ง นี่เป็นเงื่อนไขที่สื่อสารไปยังพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ว่าเป็นพรรคไหน ควรรับเงื่อนไขเพราะยังไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา เกิดจากความสัมพันธ์ส่วนตัวและผลประโยชน์ทับซ้อนที่พรรคเพื่อไทยและถูกครอบงำโดยนายทักษิณ ชินวัตร และหากพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเอง ก็คงมีผลการครอบงำจากนายทักษิณ ชินวัตร เพราะเขายังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองแม้จะไม่มีตำแหน่ง อยากสื่อสารไปถึง กกต. ปล่อยให้บุคคลมีอิทธิพลภายนอก มาจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร
นายพิชิต ระบุว่า การชุมนุมวันนี้จะมีการกำหนดท่าทีกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะสิ่งที่เราจับตามองนอกเหนือจากการจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 3-5 กันยายนนี้ ยังมีคดีชั้น 14 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งยังเป็นประเด็นที่กลุ่มรวมพลังแผ่นดินให้การติดตาม แน่นอนว่านายทักษิณพยายามจะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อนวันที่ 9 กันยายน เพราะหลังวันที่ 9 ก.ย. พรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนคิดอย่างไรที่ สส.เพื่อไทยบางคนสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย นั้น นายพิชิต กล่าวว่า หลายพรรคพยายามวิ่งซื้อตัวกัน รวมถึงคนของพรรคประชาชนเอง นี่คือวิกฤติทางการเมือง เพราะคำนึงถึงแต่ตัวเลขในสภาในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่เห็นพรรคไหนพูดถึงข้อเรียกร้องของประชาชน การกระทำแบบนี้คือการไม่ให้เกียรติประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหว