แกะรอยอสังหาฯไทย ดีมานด์-ซัพพลายชะลอ ท่ามกลางแรงเสี่ยงรอบด้าน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือREIC รายงานแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา พบว่าดัชนีรวมตลาดยังคงอ่อนแรงต่อเนื่อง ทั้งจากฝั่งดีมานด์และซัพพลายที่ปรับตัวลดลง สะท้อนภาวะระมัดระวังของทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการ ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ดัชนีตลาดอสังหาริมทรัพย์ (หมวดที่อยู่อาศัย) ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 71.1 จุด ลดลง 10.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหดตัวกว่า 13% ขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จใหม่ก็ลดลงมากกว่า 30% โดยสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งในฝั่งอุปสงค์จากผู้ซื้อ และอุปทานของผู้ประกอบการ สะท้อนความระมัดระวังของทั้งผู้ซื้อที่รอมาตรการภาครัฐ และผู้ประกอบการที่ชะลอเปิดตัวโครงการใหม่
อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวยังให้มุมมองเชิงบวกว่า สถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในระยะต่อไป โดยมีปัจจัยสำคัญจากการสนับสนุนของภาครัฐ ทั้งมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท
รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทยชั่วคราว มาตรการเหล่านี้จะเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
ซึ่งทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ว่าอิทธิพลของนโยบายดังกล่าวจะเริ่มส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ผลกระทบที่เกิดจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง การเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก อาจจะยังถ่วงตลาดให้ฟื้นตัวได้ช้า
รายงานยังระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการลดลงเช่นเดียวกัน โดยดัชนีความเชื่อมั่นหดตัวกว่า 6 จุดจากปีก่อน ขณะที่การขออนุญาตก่อสร้างและพื้นที่เปิดขายใหม่อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว
โดยภาพรวมแล้ว REIC คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยไทยในปี 2568 จะยังไม่สามารถพลิกฟื้นเต็มรูปแบบ แม้จะมีปัจจัยบวกจากฝั่งนโยบาย แต่ต้องอาศัยการฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือน และแรงส่งจากเศรษฐกิจจริงควบคู่กัน