ไทยจับมือ Interpol กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ในกัมพูชา
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผอ.ฉก.88) และ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ UNODC ได้เดินทางไปยังสำนักงานใหญ่องค์การตำรวจสากล (Interpol) ณ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส
เพื่อบรรยายและแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์อาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสมาชิกขององค์การตำรวจสากล (Interpol) รวมทั้งได้ยื่นหนังสือและหารือกับนาย Cyril GOUT ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายกิจการตำรวจ และ นาย Abdulaziz OBAIDALLA ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการสนับสนุนส่วนภูมิภาค
เพื่อนำเสนอข้อมูลและสถานการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ซึ่งมีฐานที่มั่นในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกัมพูชา ที่ได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจของไทยและนานาชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
โดยรายได้จากอาชญากรรมเหล่านี้มีมูลค่าสูงกว่า 60% ของรายได้ประเทศกัมพูชา (แหล่งที่มา: UNODC) Interpol ตอบรับตั้ง "War Room" ในไทยเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการ
ผลจากการหารือเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง โดยองค์การตำรวจสากล (Interpol) ได้ยืนยันที่จะร่วมมือกับทางการไทยอย่างเต็มศักยภาพ โดยจะสนับสนุนทั้งเครื่องมือ, ข้อมูลเชิงลึก, การวิเคราะห์ และการวางแผนปฏิบัติการ เพื่อเปิดฉากกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้
นอกจากนี้ จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ Interpol มาประจำการที่ "ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ของประเทศไทย (War Room)" ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการนำองค์กรระหว่างประเทศและประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย
พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า องค์การตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2466 และมีสมาชิกรวม 196 ประเทศทั่วโลก มีประเทศไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิกอยู่ด้วย รวมทั้งประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์
ซึ่งองค์การตำรวจสากล (Interpol) จะทำหน้าที่ในการ เป็นศูนย์กลางประสานงานความร่วมมือระหว่างตำรวจนานาชาติ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายในประเทศสมาชิก แลกเปลี่ยนข้อมูลคนร้ายและข้อมูลอาชญากรรม
ทำให้การขับเคลื่อนการปราบปรามผ่านกลไกของ องค์การตำรวจสากล (Interpol) จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ โดยมีประเทศไทยเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนและสามารถปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ได้อย่างเด็ดขาด
เป้าหมายชัดเจน: ลดอาชญากรรม 50% ใน 3 เดือน สกัดไทยเป็นทางผ่าน
พล.ต.อ.ธัชชัยฯ มั่นใจว่า การจัดตั้ง "ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ของประเทศไทย (War Room)"
ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และจะเป็นกลไกทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีความสัมพันธ์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกัมพูชา ซึ่งจะทำให้การติดตามจับกุมคนร้ายและการอายัดเงินที่ถูกหลอกลวงสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและทันต่อรูปแบบการกระทำความผิดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
โดยรัฐบาลไทยได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ภายใน 3 เดือนนับจากนี้ ปัญหาอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในประเทศไทยต้องลดลงมากกว่า 50% และที่สำคัญคือ ต้องไม่ให้กลุ่มคนร้ายใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเด็ดขาดอีกต่อไป