"มาริษ" ประชุม รมว.กต.อาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมประเดิมทวิภาคีเวียดนาม-ฟิลิปินส์
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 58 และการประชุมที่เกี่ยวข้องว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญ ที่ไทยจะได้ผลักดันประเด็นระดับภูมิภาค และระหว่างประเทศร่วมกับมิตรประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศคู่เจรจา โดยตลอดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตนมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมกว่า 20 รายการ เพื่อผลักดันประเด็นหลักที่สำคัญ 6 ประการ ได้แก่ การส่งเสริมความเป็นแกนกลางและเอกภาพของอาเซียนท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ผันผวน การเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและดิจิทัล การสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ และการสนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยว่า ในการประชุม การประชุม AMM-PMC ยังเป็นโอกาสพบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศต่าง ๆ เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน ตลอดจนแลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์ในภูมิภาคและระดับโลก
นายมาริษ ยังเปิดเผยผลการหารือทวิภาคี ร่วมกับ ฯพณฯ บุ่ย แทงห์ เซิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเวียดนาม โดยได้หารือเกี่ยวกับการขยายผลการเยือนเวียดนามของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการตกลงยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ผ่านกลไกความร่วมมือทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีอยู่ อาทิ คณะกรรมการร่วมทางการค้าและการลงทุน (JTC) คณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JCBC) โดยจะให้เร่งจัดทำแผนงานขับเคลื่อนความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างทั้งสองประเทศให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในสาขาที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่าย อาทิ High Technology ในประเด็น AI กับ semi conductor โดยระบุบริษัทเอกชนที่จะเป็นผูัเล่นสำคัญเรื่องนี้
นายมาริษ ยังเปิดเผยผลการหารือทวิภาคี ร่วมกับนางมาเรีย เทเรซ่า ลาซาโร่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ โดยได้แสดงความยินดีภายหลังจากการเข้ารับตำแหน่งใหม่ และแสดงความพร้อมสนับสนุนการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของฟิลิปปินส์ในปีหน้า รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างกัน ผ่านคณะกรรมการร่วมด้านการค้า (JTC) และการส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร