โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

"อังคณา" ถามหาความจริงใจ "กัมพูชา" ให้ทำตามสัญญา หวังประชุม GBC จบบนโต๊ะเจรจา

สยามรัฐ

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันที่ 4 ส.ค.2568 เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) เรื่องปัญหาชายแดนวันนี้ ว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้าและแก้ปัญหาร่วมกัน แต่ในความเป็นคู่ขัดแย้งแม้มีสัญญาให้หยุดยิงแต่ก็อาจมีการก่อเหตุการรุนแรงขึ้นได้อยู่ ซึ่งในส่วนของไทยได้ปฏิบัติตามหลักการระหว่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง และเป็นความชอบธรรมของไทยในการต่อรองในส่วนของกัมพูชาเราก็เรียกร้องให้ปฏิบัติตามข้อตกลงเช่นกัน ดังนั้น การประชุมในวันนี้ควรจะมีการแลกเปลี่ยน และแก้ปัญหาร่วมกันว่าอะไรบ้างที่ยังเป็นอุปสรรค ตอนนี้สิ่งสำคัญที่ควรแก้ไขคือการใช้โซเชียลมีเดียของอินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ รวมถึงข่าวปลอมที่ออกมาเยอะ เราไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่าเกิดจากฝ่ายไหน และคนที่เสพสื่อส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะเชื่อ ตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่จะเป็นการยั่วยุและอาจเป็นการแทรกแซงการหารือกันอย่างสร้างสรรค์

เมื่อถามว่าแม้กัมพูชาจะร่วมโต๊ะเจรจาแต่เหมือนมีนัยะบางอย่างที่ไม่จริงใจกับไทย นางอังคณา กล่าวว่า กัมพูชาเป็นประเทศที่ผ่านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาแล้ว ผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงมาเยอะมาก สิ่งหนึ่งที่เราเจอคือการนำแทคติกต่าง ๆ มาใช้ที่ทุกฝ่ายเห็นกันอยู่ และเชื่อว่าฝ่ายไทยคงจะต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ บนโต๊ะเจรจาเช่นกัน เช่น เมื่อรับปากว่าหยุดยิงแต่ทำไมไม่หยุด หรือยังมีระเบิดที่ตกอยู่กลางถนน ดังนั้นกัมพูชาจำเป็นที่จะต้องยอมรับข้อตกลงบนพื้นที่เจรจาเพราะมีสักขีพยาน อย่างมาเลเซียที่เสนอตัวเป็นคนกลาง ให้ไทยกับกัมพูชาได้พูดคุยกันแต่สิ่งสำคัญคือเรื่องความจริงใจ

" ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านทั้งไทยและกัมพูชายังไงก็ย้ายประเทศหนีกันไม่ได้ ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันตรงนี้ การแก้ปัญหาร่วมกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตของประชาชนของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะต้องได้รับความเคารพ " นางอังคณากล่าว

เมื่อถามว่ากัมพูชาไม่ได้จัดการกับศพของทหารของตัวเองสะท้อนปัญหาอะไรบ้าง นางอังคณา กล่าวว่า ทางกัมพูชาได้ให้สัญญาสัตยาบัน อนุสัญญาการบังคับสูญหาย ดังนั้นกรณีทหารที่เสียชีวิตและไม่ได้พิสูจน์ทราบ ว่าเป็นใครและบอกญาติไม่ได้เลยว่าคนเหล่านี้หายไปไหนหรือเสียชีวิตที่ไหน ตรงนี้ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญา ซึ่งกัมพูชาต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ เพราะวันนี้ถ้าญาติยังไม่รู้ว่าทหารได้เสียชีวิตไปแล้วญาติก็จะคิดว่าเขาคือผู้สูญหาย ซึ่งจะขัดต่ออนุสัญญา ในส่วนของทางการไทยคงจะเข้าไปช่วยในการเก็บศพไม่ได้ เนื่องจากไม่ใช่พื้นที่ของไทย

“กัมพูชาต้องมีความรับผิดชอบต่อพลเมืองของตนเอง เพราะกัมพูชาหลังศึกสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ได้ลงนามอนุสัญญาระหว่างประเทศเยอะมาก แต่ปัญหาคือไม่มีการปฏิบัติตาม ข้อกฎหมายหรืออนุสัญญาระหว่างประเทศที่ตนเองเป็นทวิภาคี ดังนั้นเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวล ดิฉันขอเรียกร้องรัฐบาลกัมพูชา ว่าควรที่จะให้เกียรติกับคนที่เสียชีวิต ถึงแม้จะเป็นทหารฉันผู้น้อยการเคารพศพคืนศพให้กับญาติ มีความสำคัญมากที่รัฐบาลกัมพูชาควรจะรีบเร่งดำเนินการ”นางอังคณา กล่าว

เมื่อถามว่าการที่ไม่ได้ดำเนินการกับศพเป็นยุทธศาสตร์ของทางกัมพูชาหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ทางการไทยได้ถ่ายภาพทหารที่เสียชีวิตแล้ว และพื้นที่ตรงนั้นไทยไม่สามารถก้าวล่วงไปได้ และไม่รู้ว่าจะมีการฝังกับระเบิดอะไรไว้อีกหรือไม่ แต่เรามีภาพถ่ายยืนยัน กัมพูชาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามควรที่จะพิสูจน์ ว่าพื้นที่ตรงนั้นมีศพทหารกัมพูชาอยู่จริงหรือไม่ พร้อมฝากไปถึงประชาชนกัมพูชาโดยเฉพาะครอบครัวของทหารให้มีการเรียกร้องกับกองทัพกัมพูชาและรัฐบาลกัมพูชาในการตรวจสอบเรื่องนี้

เมื่อถามว่าการสื่อสารของไทยยังตามหลังกัมพูชาอยู่หรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการเริ่มต้นความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรงต่อกัน ไทยช้ามากในการสื่อสารไปยังประชาคมโลก แต่จากการแถลงของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาก็ถือว่ามีความก้าวหน้า ทันต่อเหตุการณ์ เช่น กรณีที่กรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาประณามไทย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้วว่าไม่ได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา ไม่ได้เป็นสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติซึ่งรัฐบาลกัมพูชาเป็นคนตั้งเองไม่ได้เป็นอิสระเหมือนของไทย ซึ่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์เปิดโอกาสเชิญทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) และผู้แทนกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC)เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้เข้าไปเยี่ยมทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 20 นายโดยการเปิดโอกาสให้เข้าไปเยี่ยมเป็นการสร้างหลักประกัน ให้ทหารทั้ง 20 นายที่ถูกควบคุมตัว จะได้รับการปฏิบัติตามหลักมาตรฐานสากลและจะไม่มีการละเมิด สิทธิมนุษยชน นี่ถือเป็นการตอบสนองที่ทันท่วงทีของกระทรวงการต่างประเทศ ถึงแม้ที่ผ่านมาช่วงแรกจะดูช้ามาก

เมื่อถามว่าปัญหาไทยกัมพูชาคาดว่าจะไม่จบลงโดยง่ายหรือไม่เพราะอาจมีประเทศมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง นางอังคณา กล่าวว่า เท่าที่สังเกตการณ์จีนหรือสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ยืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง เนื่องจากประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ก็มีผลประโยชน์ทั้งในกัมพูชาและไทยด้วย แต่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องจับตา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

ก.ล.ต.เตือนมิจฉาชีพแอบอ้างบริษัทที่ซื้อขายใน ตลท.ชักชวนลงทุน อย่าหลงเชื่อ

12 นาทีที่แล้ว

ดราม่าคดีดัง! “เป๊ก ผลิตโชค –มือมีด” ทนายชี้ชัดป้องกันตัวต้องไม่เกินเหตุ

20 นาทีที่แล้ว

มวยไทยซอฟต์พาวเวอร์สุดบูม! คนอเมริกันทะลักเรียน 800 คน 'แสนชัย-ยอดแสนไกล-เพชรพนมรุ้ง' เปิดคลาสสอนถึงสหรัฐ

24 นาทีที่แล้ว

นครบาล 9 รวบ "ผัวหึงโหด" เห็นภาพบาดตาชักปืนยิงกิ๊กเมียดับ

27 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ศบ.ทก.ประณามรัฐบาลเขมร ไม่จัดการศพทหาร ท้วง คำร้องไปยัง OHCHR ยัน ควบคุมเชลยศึกตามหลัก

MATICHON ONLINE

ทสท. ห่วงประชาชนชายแดนไร้รายได้ หนี้สินพุ่ง จี้รัฐเร่งเยียวยาระยะยาว

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ศบ.ทก. ย้ำ ไทยปฏิบัติต่อเชลยศึกตามอนุสัญญาเจนีวา

เดลินิวส์

ผบ.ทบ.-แม่ทัพภาค 2 พบรองผู้ช่วยทูตทหารเวียดนาม กระชับสัมพันธ์กองทัพ 2 ประเทศ

Khaosod

Cambodia's rocket strike caused Bt45m damage to Surin hospital

Thai PBS World

“ไทยไม่ได้เริ่มก่อน” กต. แจงคณะทูตทั่วโลก ปมชายแดนกัมพูชา ย้ำยึดสันติ

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม