‘พิชิต’ เผย พอใจมติศาลฯ ชี้ “แพทองธาร” ควรลาออก
‘พิชิต’ เผย พอใจมติศาลฯ ชี้ “แพทองธาร” ควรลาออก รับผิดชอบทางการเมือง เตรียม รวมกลุ่มชุมนุมอีกครั้งกลางเดือนสิงหาคมนี้
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 1 ก.ค.68 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว The Room 44 ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 ให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ว่า มีความพึงพอใจกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย เนื่องจากกรณีดังกล่าว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน โดยในส่วนของกลุ่มแกนนำ คปท. นั้น เห็นพ้องและรู้สึกพอใจกับมติของศาล ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายอีกส่วนหนึ่ง
“ นางสาวแพทองธาร ควรแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยทำเลย คือการออกมาขอโทษประชาชนทั้งประเทศ และลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ” นายพิชิต กล่าว
นายพิชิต ยังมองว่า ในด้านกฎหมายเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ในด้านสปิริตทางการเมือง ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่อาจละเลยได้
สำหรับจุดยืนและข้อเรียกร้องของกลุ่มแกนนำ คปท. นายพิชิต ยืนยันว่า ยังคงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว แม้ว่าศาลจะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก็ตาม โดยย้ำว่าข้อเรียกร้องนี้เป็นการสะท้อนถึง “สปิริตทางการเมือง” ไม่ใช่เพียงประเด็นทางกฎหมาย
เมื่อถามถึงเสถียรภาพของรัฐบาลหลังคำวินิจฉัยดังกล่าว นายพิชิต มองว่า ผลกระทบย่อมเกิดขึ้นกับรัฐบาลไม่น้อย แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือท่าทีของนางสาวแพทองธาร ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมควบคู่ไปด้วย
และ เท่าที่หารือกันภายในกลุ่มแกนนำ เห็นว่านางสาวแพทองธารยังคงถืออำนาจในการบริหารจัดการอยู่ ไม่ได้ถอยออกไปจริง ๆ ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เสถียรภาพของรัฐบาลจะสั่นคลอน และความเชื่อมั่นของประชาชนจะลดลงอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ กลุ่ม คปท. มีแผนนัดรวมตัวชุมนุมใหญ่อีกครั้งในเดือนสิงหาคมนี้ และจะขยายพื้นที่การเคลื่อนไหวไปยังต่างจังหวัดในทุกภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนจากทั่วประเทศได้มีส่วนร่วม
เมื่อถามถึงคำวินิจฉัยของศาลว่าเป็นการสะท้อนถึงหลักนิติธรรม หรือมีนัยทางการเมืองหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ตนมองว่าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในมิติของ “ความมั่นคง” มากกว่าประเด็นความรับผิดชอบแบบที่สังคมมอง โดยชี้ว่า ศาลคำนึงถึงผลกระทบด้านความมั่นคงเป็นหลัก ซึ่งมีกฎหมายรองรับไว้อย่างชัดเจน
สำหรับกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับมอบหมายให้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี นายพิชิตแสดงความเห็นว่า ตนไม่เชื่อมั่นในความสามารถของนายสุริยะที่จะทำหน้าที่ผู้นำประเทศ ซึ่งนายสุริยะเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาหลายสมัย แต่ยังไม่เคยแสดงบทบาทหรือทัศนะทางการเมืองอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะในด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในขณะนี้ เพราะสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังมีความตึงเครียดอยู่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องมีวิสัยทัศน์และคุณสมบัติด้านนี้ แต่ผมไม่เคยเห็นนายสุริยะออกมาแสดงจุดยืนหรือมีบทบาทในเรื่องนี้เลย