เปิดประวัติ “ฌอน โอนีล” ว่าที่ทูตสหรัฐคนใหม่สายแข็ง ส่งสัญญาณตรงถึงไทย
“ฌอน โอนีล” ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้มาดำรงตำแหน่งสำคัญในกรุงเทพมหานคร ในช่วงที่ภูมิรัฐศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังร้อนระอุ โดยฌอน โอนีลเคยรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาหลังเหตุการณ์ 9/11 และมีประสบการณ์ภาคสนามกว่า 8 ภารกิจในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ตั้งแต่บังกลาเทศ ปากีสถาน พม่า ฮ่องกง ไปจนถึงเชียงใหม่ในประเทศไทย ทำให้มีความเข้าใจภูมิภาคนี้อย่างลึกซึ้ง และยังสามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา ทั้งไทย จีน พม่า เบงกาลี และญี่ปุ่น
พื้นฐานทางอาชีพของโอนีลก็น่าจับตา เขาเริ่มต้นเส้นทางในฐานะ “ทนายความด้านตลาดทุน” ทั้งในนิวยอร์กและโตเกียว ก่อนจะพลิกบทบาทมารับใช้ชาติในฐานะนักการทูตสายแข็ง ภายหลังยังเคยทำงานในวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศให้กับผู้บัญชาการนาวิกโยธินสหรัฐฯ และทำงานใกล้ชิดกับสภาคองเกรสในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนิติบัญญัติประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร
การเสนอชื่อฌอน โอนีลให้เป็นทูตประจำไทยในช่วงที่โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค กำลังจะหมดวาระในเดือนกันยายนนี้ จึงถือเป็นการส่งสัญญาณนัยสำคัญจากทำเนียบขาว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากคำตอบของโอนีลต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ในการพิจารณารับรองตำแหน่ง
โอนีลกล่าวชัดเจนว่า หากได้รับการยืนยันจากวุฒิสภา เขาจะส่งสารตรงถึงรัฐบาลไทยว่าความขัดแย้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเพิ่งปะทุขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนไทย และยิ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อความเป็นพันธมิตรระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในฐานะที่ไทยเป็นหนึ่งในพันธมิตรตามสนธิสัญญาเพียงไม่กี่ประเทศในเอเชีย
“มันคือการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินโดยไม่จำเป็น ไม่ได้ทำอะไรเพื่อเสริมสร้างพันธมิตรของเรา หรือแก้ไขปัญหาร่วมที่เราต่างเผชิญอยู่” โอนีลระบุอย่างชัดถ้อยชัดคำต่อวุฒิสภา
ไม่เพียงเท่านั้น ฌอน โอนีลยังแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ในเมียนมาอย่างหนักแน่น โดยกล่าวว่าไทยไม่ควรให้ความชอบธรรมแก่รัฐบาลทหารในประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ควรรับรองผลการเลือกตั้งที่รัฐบาลทหารเมียนมาจัดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และประชาชนจำนวนมากถูกกันออกจากกระบวนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นธรรม
“หากผมได้รับการยืนยัน ผมจะสนับสนุนให้ประเทศไทยไม่รับรองการเลือกตั้งที่มีผู้เข้าร่วมน้อยกว่า 50% ของประชากร ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านส่วนใหญ่ยังถูกคุมขังอยู่” เขากล่าว พร้อมตอกย้ำถึงจุดยืนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมรับการเลือกตั้ง “หลอกลวง” ที่รัฐบาลทหารเมียนมากำลังวางแผนไว้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
จากบุคลิกและวิสัยทัศน์ของโอนีล การเข้ามาดำรงตำแหน่งทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยของเขาอาจไม่ใช่เพียงแค่บทบาทเชิงสัญลักษณ์ หากแต่เป็นการผลักดันนโยบายของสหรัฐฯ ที่เน้นเสถียรภาพ สิทธิมนุษยชน และความร่วมมืออย่างจริงจังกับพันธมิตรอย่างไทย