เปิดโผ 5 หุ้นเด็ด ส.ค.! จัดพอร์ตให้ปัง ติดปีกกำไรสวย
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,230-1,250 จุด หลังสหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีสินค้านำเข้าไทยที่ 19% ใกล้เคียงคาด ขณะที่ดัชนีปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า รับความคาดหวังดังกล่าวไปมากพอสมควร สิ่งที่ดีคือ อัตราภาษีที่ไทยได้รับใกล้เคียงกับประเทศอื่นในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา มาเลเซีย (19%) เวียดนาม ไต้หวัน (20%) ทำให้โดยรวมคาดว่าไทยจะยังรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีดังกล่าวไม่ได้ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับเราคาดว่าตลาดจะโฟกัสกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจในครึ่งหลังปี 2568 มากขึ้นว่าจะชะลอตัวมากน้อยเพียงใดจากอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นจากระดับชั่วคราวตั้งแต่เดือนเมษายนที่ 10% ด้าน Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง และยังกดดันค่าเงินสกุลเอเชียให้อ่อนค่า ล่าสุดค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.73 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่การทยอยประกาศกำไรไตรมาส 2/2568 ของบริษัทจดทะเบียน ภาพรวมคาดว่าจะชะลอตัวทั้งไตรมาสต่อไตรมาส และเทียบปีต่อปี และต้องติดตามการปรับประมาณหลังประกาศงบเพื่อสะท้อนแนวโน้มการเติบโตในครึ่งหลังปี 2568 ระยะสั้น เรามอง SET Index มี Upside จำกัดมากขึ้น หลังปรับตัวขึ้น 17% จากจุดต่ำปลายเดือนมิถุนายน หุ้นที่ laggard คาดมีโอกาสพลิกมาฟื้นตัวตามตลาด
กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้นที่ยัง laggard ตลาดและมีกำไรไตรมาส 2/2568 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือนสิงหาคม: BDMS, CPALL, CPN, MTC, SCGP
FSSIA Portfolio: BA, BDMS, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, STECON
หุ้นเด่นวันนี้: STECONแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท
ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 480 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 21 ไตรมาส +41% q-q และจาก 25 ล้านบาทในไตรมาส 2/2567 แรงขับเคลื่อนหลักมาจาก GPM คาดปรับขึ้นจากการ reverse ค่าใช้จ่ายซ่อมแซมอุโมงค์หนองบอน หลังได้รับเงินเคลมประกัน รวมถึง core operation ที่เติบโตดี
หากงบไตรมาส 2/2568 ตามคาด กำไรครึ่งปีแรกจะคิดเป็น 88% ของประมาณการทั้งปีที่ทำไว้ที่ 934 ล้านบาท (เทียบกับขาดทุน 2.4 พันล้านบาทในปี 2567) ซึ่งมี Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการจากการรับเงินเคลมประกันบึงหนองบอน
แนวรับ 6.20/6.00 บาท แนวต้าน 6.60/6.90-7.00 บาท
Fund Flow วานนี้ กระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่อง แต่ชะลอเล็กน้อยเหลือ 701 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ นำโดยไต้หวัน 489 ล้านดอลลาร์ ตามด้วยเกาหลีใต้ 268 ล้านดอลลาร์ ส่วนอาเซียน เม็ดเงินไหลเข้าไทย 17 ล้านดอลลาร์ แต่ไหลออกจากอินโดนีเซีย 77 ล้านดอลลาร์ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า แต่ยังอาจชะลอตัวจาก Dollar Index ที่ยังทรงตัวสูง
ขณะที่ทรัมป์ประกาศอัตราภาษีปรับปรุงของแต่ละประเทศแล้ว โดยรวมใกล้เคียงคาด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลยุทธ์ลงทุน: ข้อตกลงทางการค้าที่เป็นบวกของสหรัฐฯ ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ล่าสุดไทยได้ปรับลดภาษีนำเข้าเหลือร้อยละ 19 ใกล้เคียงคาดและใกล้กับประเทศอื่นในภูมิภาค กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะไม่ค่อยสดใส ขณะที่แนวโน้มในครึ่งหลังปี 2568 ที่ไม่แน่นอนยังสะท้อน Downside risks ต่อประมาณการปี 2568 เป้าหมาย SET ของเราอาจมี Upside ไปได้ถึง 1,290 จุด อย่างไรก็ดี Upside มีจำกัดหลังตลาดปรับตัวขึ้นแรง กลุ่มที่ยัง laggard มีโอกาสพลิกกลับมาปรับตัวได้ดีกว่าตลาด เช่น กลุ่มการเงิน การแพทย์ ค้าปลีก ท่องเที่ยว และรับเหมา สำหรับหุ้นเด่นของเราประกอบด้วย BA, BDMS, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP และ STECON
(0) ITC กำไรปกติไตรมาส 2/2568 ที่ 712 ล้านบาท +2% q-q, -37% y-y ใกล้เคียงคาด รายได้ USD ฟื้นตัว แต่ถูกถ่วงจากบาทแข็ง ทำให้รายได้สกุลบาทหดตัวเล็กน้อย ส่วนด้านอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้น กำไรสุทธิครึ่งปีแรกที่ 1.37 พันล้านบาท ลดลง 25% y-y คิดเป็น 43% ของประมาณการทั้งปี คำสั่งซื้อไตรมาส 3/2568 ยังเข้ามาตามที่บริษัทตั้งเป้าไว้ว่าจะโตต่อ q-q แม้เรายังมองบวกต่อแนวโน้มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในระยะยาว แต่ระยะสั้นยังต้องติดตามผลกระทบของ US tariff กรณีต้องร่วมรับ tariff 10% จะกระทบกำไรปี 2569 ราว 12% และราคาเป้าหมายปี 2569 จะลดเหลือ 15.60 บาท จาก 18 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นมาเร็ว 37% ชนเป้าปี 2568 ที่ 15 บาท จึงแนะนำ รอซื้ออ่อนตัว
(0) BAM คาดปัจจัยกดดันการเติบโตซึ่งจะฉุดการเก็บหนี้ในระดับหนึ่ง แม้จะมีพัฒนาการเชิงบวกหลัง ดร. รักษ์ เริ่มเข้ารับตำแหน่ง เราคาดกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 2,932 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% y-y จากการเก็บหนี้จากบัญชีที่มีมูลค่าสูง ราคาเป้าหมายใหม่ 6.85 บาท แม้กำไรปี 2568 น่าจะออกมาดีจากการเก็บหนี้จำนวนมากในไตรมาส 2/2568 เราเชื่อว่า ช่วงเวลาหลังปี 2568 จะมีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของไทย และระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น คงคำแนะนำ “ถือ”
(+) TIDLOR คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 อยู่ในเกณฑ์ดีที่ 1.28 พันล้านบาท +17% y-y, +5% q-q ส่วนมากเกิดจากการเติบโตของสินเชื่อที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง และคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี NPL อยู่ที่ 1.77% ค่อนข้างทรงตัว q-q เมื่อเทียบกับ 1.78% ในไตรมาส 1/2568 และใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัทที่ต่ำกว่า 2% ทั้งนี้ รายได้รวมจากการปล่อยสินเชื่อและค่านายหน้าในธุรกิจประกันภัยน่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี เราคาดว่า TIDLOR จะรายงานกำไรสุทธิปี 2568-2570 โต 11% CAGR ราคาเป้าหมาย 19 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
(+) SCC จากกำไรครึ่งปีแรกปี 2568 ที่ออกมาดีกว่าคาด และมีแนวโน้มเป็นบวก เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ขึ้น 11.7% เป็น 10,000 ล้านบาท +58.8% y-y และประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 24,200 ล้านบาท เพื่อสะท้อนกำไรรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในไตรมาส 2/2568 รวมถึงการปรับเพิ่มประมาณกำไรปี 2569-2570 ตามการปรับสมมติฐาน margin/spread product ที่เพิ่มขึ้น ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 220 บาท จากเดิม 200 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”