"ไทยยืนกรานหลักสากล" กัมพูชายอมถอย เปลี่ยนสถานที่ประชุม GBC เป็นมาเลเซีย
จากกรณีที่ทางกัมพูชาได้ทำหนังสือมาเชิญ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานรักษาการ รมว.กลาโหม เพื่อไปประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 โดยทางกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพเจ้า แต่ในประเด็นของเรามองว่า ปกติแล้วตามหลักสากล เราจะไม่ประชุมในประเทศที่มีปัญหาต่อกัน โดยจะประชุมในประเทศที่เป็นกลาง ยกตัวอย่างเช่น ประเทศยูเครนและรัสเซีย เค้าจะไม่ไปประชุมกันในประเทศที่มีปัญหาด้วยกัน ตามหลักสากลนิยม พร้อมยืนยันว่า ประเทศที่สามคือประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นตัวกลางในการประสานอยู่แล้ว
ความคืบหน้าล่าสุด ทางสำนักข่าวกัมพูชา Fresh Newsได้ออกมารายงานว่า กัมพูชาเห็นด้วยกับข้อเสนอของประเทศไทย ในการเปลี่ยนสถานที่ประชุมพิเศษของคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) เป็นประเทศมาเลเซีย พร้อมเสนอให้มีตัวแทน 3 ประเทศ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน เข้าร่วมสังเกตการณ์
โดยระบุว่า พล.อ.เตีย เซ็ยฮา (TEA Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้ทําหนังสือตอบกลับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เกี่ยวกับคําร้องให้จัดการประชุมวิสามัญของคณะกรรมการชายแดน (GBC) ในสถานที่ที่เป็นกลางอย่างประเทศมาเลเซีย ระหว่าง วันที่ 4 -7 สิงหาคม 2025
จดหมายระบุว่า "เพื่อเป็นการตอบสนองต่อจดหมายของท่านลงวันที่ 31 ก.ค. 2568 เกี่ยวกับข้อเสนอในการจัดประชุมพิเศษของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ณ สถานที่เป็นกลาง คือ ประเทศมาเลเซีย และการประชุมจะจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค. 2568 ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้ามีความยินดีที่จะเป็นผู้นำคณะผู้แทนเจ้าหน้าที่อาวุโสเข้าร่วมการประชุมที่กล่าวถึงข้างต้นตามข้อเสนอของท่าน"
"ด้วยเหตุที่ว่า มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน มีบทบาทสำคัญในการไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2568 ณ เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอเสนอให้ตัวแทนจากทั้งสามประเทศข้างต้นเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ในการประชุมพิเศษครั้งต่อไปของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป"
"ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อมาเลเซีย ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนและประธานคณะผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญนี้ ข้าพเจ้าหวังว่าจะมีโอกาสได้พบกับท่านและร่วมสนทนาอย่างสร้างสรรค์เพื่อหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ"
"บิ๊กเล็ก" แจงเหตุรัฐบาลกัมพูชาปลุกปั่นประชาชนให้เกลียดประเทศไทย
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวก่อนการประชุม ศบ.ทก. ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(จีบีซี) ที่ไทยขอเปลี่ยนสถานที่ประชุมจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ไปที่ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 4-7 ส.ค.นี้ แทน ว่า ทราบจากผู้ช่วยทูตทหารประจำกัมพูชาแจ้งกลับมาว่ากัมพูชาตอบรับแล้ว เพราะเราได้แจ้งไปว่า รัฐบาลกัมพูชาให้ข่าวที่ทำให้ประชาชนกัมพูชาเกลียดชังคนไทย ดังนั้น การที่ต้องไปประชุมหลายวันอาจเกิดความไม่เรียบร้อยได้ จึงอยากให้ไปประชุมในประเทศที่สาม ซึ่งเราได้ประสานมาเลเซียแล้ว และทางกัมพูชาได้ตอบรับแล้ว ส่วนสาเหตุที่ขอขยายระยะเวลาประชุมจากวันเดียวเป็น 3 วันนั้น เพราะวาระที่เราเตรียมไปหารือเวลาเพียง 1 วันไม่น่าจะจบ และหากประชุมวันที่ 4-7 ส.ค. ยังไม่จบ อาจต้องขยายเวลา หรือเลื่อนไปประชุมครั้งต่อไป โดยเราคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ ถ้าไม่เป็นไปตามที่กำหนดก็ต้องพิจารณาเลื่อนไปครั้งต่อไป จนกว่าจะได้ตามที่รัฐบาลมุ่งหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่เปลี่ยนสถานที่เป็นเพราะไม่ไว้ใจกัมพูชาใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่ไว้ใจกัมพูชา แต่เราไม่ไว้ใจสถานการณ์ ตอนนี้เขาปลุกปั่นทำให้คนกัมพูชาไม่เข้าใจคนไทย การที่เราไปประชุมและอยู่ท่ามกลางคนกัมพูชา ลองคิดดูว่าระหว่างวันที่ 4-6 ส.ค. ซึ่งฝ่ายเลขาฯของเราอยู่ที่นั่นจะเป็นอย่างไร ตนเป็นห่วงทีมงาน จึงคิดว่าไม่เหมาะสม จึงต้องพูดคุยกัน และตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เราอยู่ในช่วงเจรจาหยุดยิง ทำไมฝ่ายกัมพูชาจึงออกข่าวสร้างความไม่เข้าใจให้กับประชาชน ทั้งที่ฝ่ายเราพยายามยึดว่าความตึงเครียดที่เกิดจากรัฐบาล ประชาชนไม่เกี่ยว ตนพูดกับประชาชนเสมอให้ปฏิบัติกับคนกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทยตามปกติ เพราะเขาไม่เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล แต่ทางกัมพูชาพูดให้คนมีความรู้สึกไม่ดีกับคนไทย การที่คณะกรรมการของเราไปอยู่ที่นั่น 3 วัน เป็นเรื่องที่ทำให้เรากังวล เราจึงขอเปลี่ยนสถานที่เพื่อความเรียบร้อย
เมื่อถามว่า เป้าหมายที่เราจะไปยื่นต่อกัมพูชา รวมถึงสิ่งที่เราจะไม่ยอมรับจากกัมพูชามีอะไรบ้าง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า หากตนพูดไปเขาจะทราบหมด ต้องขออภัยด้วย
เมื่อถามย้ำว่า ในการเจรจาจะหยิบยกพื้นที่ปราสาทตาควายมาคุยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า สิ่งที่ถามมานี้เป็นเรื่องที่ตนต้องขอไว้ก่อน ต้องขออภัย อะไรตอบได้จะตอบ แต่บางเรื่องที่ตอบไปแล้วทำให้เราเสียเปรียบ ต้องขออภัยสื่อ แต่ยืนยันว่า ตนตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด เพราะปัจจุบันเราอยู่ท่ามกลางความคาดหวังของประชาชน ตนเลยเครียดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนพอใจ ซึ่งจะพยายาม
เมื่อถามว่า การประชุมครั้งนี้จะมีผู้สังเกตการณ์เป็นจีนและสหรัฐอเมริกาเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า “คงไม่ใช่ ต้องหารือ แต่ผมต้องหารือกับหน่วยที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะเพิ่งทราบจากฝ่ายเลขาฯว่ามีการขอผู้สังเกตการณ์ แต่ความคิดของผมครั้งนี้เป็นการประชุมแบบทวิภาคี เป็นกลไกปกติที่คุยสองประเทศ ต่างจากการเจรจาหยุดยิงเมื่อครั้งที่แล้วที่เป็นการไกล่เกลี่ย แต่ครั้งนี้เป็นการประชุมทวิภาคี และในเงื่อนไขการเจรจาครั้งที่ผ่านมาก็ไม่มีเรื่องนี้”
เมื่อถามถึง กรณีสื่อกัมพูชาและสื่อมาเลเซียนำเสนอข่าวว่ารัฐบาลสวีเดนจะระงับการเซ็นสัญญาซื้อขายเครื่องบินกริพเพนให้กับไทย หลังถูกนำมาใช้ในการโจมตีทางอากาศในช่วงที่ผ่านมา พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะความสัมพันธ์ของไทย-สวีเดนไม่มีปัญหา