โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

นักวิเคราะห์เตือน ‘การปะทะชายแดน’ เสี่ยงกระทบ ‘เศรษฐกิจกัมพูชา’ มากกว่าไทย

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 18 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์เผยความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชาอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของสองประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยว แต่กัมพูชามีความเปราะบางมากกว่า

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า ทั้งสองประเทศได้เปิดฉากยิงข้ามพรมแดนในหลายพื้นที่เมื่อวันพฤหัสบดี (24 ก.ค.) หลังจากมีความตึงเครียดที่คุกรุ่นมาหลายสัปดาห์ และส่งผลให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของทั้งสองประเทศ โดยในปี 2567 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12% และ 9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยและกัมพูชาตามลำดับ และเมื่อปีที่แล้ว ไทยมีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากกว่า 35 ล้านคน ขณะที่กัมพูชามีนักท่องเที่ยวไปเยือน 6.7 ล้านคน

ศรีปารนา บาเนอร์จี นักวิจัยร่วมจาก Observer Research Foundation กล่าวกับซีเอ็นบีซี เมื่อวันศุกร์ (25 ก.ค.) ว่า “ประเทศไทย ซึ่งมีการท่องเที่ยว…ที่คอยสนับสนุนแรงงานจำนวนมาก ยังคงมีความเสี่ยงสูงต่อการมีภาพลักษณ์ที่แสดงถึงความไม่มั่นคง”

บาเนอร์จีเตือนว่า แม้แต่ความไม่สงบระยะสั้นๆ ใกล้ชายแดน ก็อาจส่งผลให้เกิดคำเตือนด้านการเดินทาง และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจ “สร้างความเสียหายอย่างมากในปีที่ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก”

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการท่องเที่ยวของกัมพูชาจะมีส่วนช่วยส่งเสริมการเติบโตของจีดีพีน้อยกว่า แต่การคาดเดาว่าประเทศจะมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักของภาคส่วนนี้น้อยกว่านั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด

“กัมพูชาต่างจากประเทศไทย มีเครื่องมือทางนโยบายน้อยกว่า เช่น คณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทุนสำรองทางการคลังขนาดใหญ่ หรือระบบสวัสดิการสังคมที่แข็งแกร่ง สำหรับการรองรับผลกระทบ” บาเนอร์จีเตือน

กัมพูชาจะสูญเสียมากกว่า?

แม้นักวิเคราะห์ทราบดีว่าความตึงเครียดอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทย แต่ก็เห็นพ้องต้องกันว่ากัมพูชานั้นมีสถานะที่อ่อนแอกว่า

โจชัว เคอร์แลนต์ซิก นักวิจัยอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า ความขัดแย้งจะ “ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อย” ต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวของไทยอยู่ห่างไกลจากบริเวณชายแดน

นักวิจัยรายนี้ชี้ให้เห็นด้วยว่า การท่องเที่ยวส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ เช่น กรุงเทพฯ และเชียงใหม่

ขณะที่เว็บไซต์ท่องเที่ยว The Vacationer ระบุว่า กรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นสองภูมิภาคในไทยที่สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดในปี 2567 โดยกรุงเทพฯ อยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 260 กิโลเมตร และภูเก็ตอยู่ไกลกว่านั้นมาก

เคอร์แลนต์ซิคเตือนว่า กัมพูชาจะสูญเสียมากกว่า โดยย้ำว่าประเทศนี้ถูกมองว่าไม่มีความมั่นคงและอันตรายกว่าประเทศไทยอยู่แล้ว และไม่มีฐานนักท่องเที่ยวขาประจำจำนวนมากเหมือนประเทศไทย

เกษม พรัญรัตนมาลา หัวหน้าฝ่ายวิจัยประเทศไทย จากบริษัท ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ซีเคียวริตี้ส์ (ประเทศไทย) ก็มีมุมมองที่คล้ายกัน โดยเผยกับซีเอ็นบีซีเมื่อวันศุกร์ว่า ภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาจะได้รับผลกระทบมากกว่า และมีคนไทยจำนวนมากข้ามพรมแดนไปเล่นการพนันในกัมพูชา แต่เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเนื่องจากการปิดพรมแดน

ในทางกลับกัน “จังหวัดต่างๆ ของไทยที่อยู่ใกล้ชายแดนกัมพูชา โดยทั่วไปก็ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว รวมถึงนักท่องเที่ยวภายในประเทศ” เกษมกล่าวเสริม

คาดการณ์สถานการณ์ความขัดแย้ง

สหรัฐ พันธมิตรตามสนธิสัญญาของไทย เปิดเผยเมื่อเช้าวันศุกร์ว่า มีความ “กังวลอย่างยิ่ง” ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้ยุติการสู้รบในทันที แต่ดร. จันทร์สัมบัท บง ผู้ที่กำลังศึกษาปริญญาเอกที่ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย มองว่า อาจเป็นเรื่องยากที่สองประเทศจะยุติการสู้รบ

ดร. บง บอกว่า การนำอาวุธหนักทางทหาร เช่น เครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทย และการใช้ปืนใหญ่ BM-21 ของกัมพูชา มาใช้ในการปะทะกันครั้งนี้ “บ่งชี้ถึงความขัดแย้งที่มีความรุนแรงมากกว่าเดิม ซึ่งอาจคงอยู่และทวีความรุนแรงมากขึ้นได้ในระยะยาว หากไม่ลดความรุนแรงลงอย่างมีประสิทธิภาพ” ซีเอ็นบีซีระบุโดยอ้างอิงโพสต์กองทัพบกไทยในเฟซบุ๊กว่า กัมพูชาใช้ระบบจรวด BM-21 ในความขัดแย้งครั้งนี้

บงเผยอีกว่า “ลัทธิชาตินิยมในทั้งสองประเทศกำลัง “ร้อนแรง” ทำให้ทั้งสองฝ่ายหาทางออกและลดความตึงเครียดทางการทหารได้ยาก อย่างไรก็ตาม เขามองว่าความเสียหายที่เกิดจากการสู้รบอาจกระตุ้นให้ทั้งสองฝ่ายพิจารณาลดการยกระดับความขัดแย้ง

ด้านบาเนอร์จี จาก ORF มองโลกในแง่ดีกว่า โดยคาดว่าแม้จะไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเผชิญหน้าทางทหารที่ยาวนานออกไป แต่ยังคงไม่น่าเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะยกระดับความรุนแรงเป็นวงกว้าง

“ทั้งไทยและกัมพูชามีแรงจูงใจทางเศรษฐกิจและการเมืองที่แข็งแกร่งที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ” บาเนอร์จี กล่าว

อย่างไรก็ตาม เธอย้ำเตือนว่า แม้ความขัดแย้งในอดีตจะชี้ให้เห็นว่าจะมีการลดความตึงเครียดในที่สุด แต่สภาพแวดล้อมในภูมิภาคในปัจจุบันกลับทำให้โอกาสที่จะหาข้อยุติได้อย่างรวดเร็วนั้น มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเธออ้างถึงความตึงเครียดในทะเลจีนใต้และวิกฤติเมียนมา

ไทยมีเหตุผลมากกว่าที่จะต้องยุติความขัดแย้ง

ด้านนักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์กมองว่า ความขัดแย้งทางทหารที่ยาวนาน อาจส่งผลกระทบให้เกิดความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทยและกัมพูชาหลายด้าน รวมถึงเรื่องภาษีทรัมป์ เนื่องจากสองประเทศยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐได้เหมือนกับเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ตรินห์ เหงียน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำตลาดเอเชียเกิดใหม่ จาก Natixis มองว่า หากพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวของไทยที่เป็นปัจจัยสำคัญหนุนการเติบโตเศรษฐกิจ ไทยอาจมีเหตุผลมากกว่าที่จะยุติความขัดแย้งเร็วๆ นี้ เท่าที่จะเป็นไปได้

“เราคาดว่าการลดความตึงเครียดจะเกิดขึ้นหลังจากปฏิบัติการเชิงรุก” ตรินห์กล่าว และว่า “ความเสี่ยงจากภายนอกกำลังเพิ่มขึ้น และประเทศไทยไม่สามารถปล่อยให้การท่องเที่ยวและการเติบโตของเศรษฐกิจที่อ่อนแออยู่แล้วต้องสะดุดลงได้”

ขณะที่รายงานของ Maybank Securities Pte. ฉบับวันที่ 17 ก.ค. คาดการณ์ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจของกัมพูชาจะชะลอตัวลง และระบุว่ากัมพูชาพึ่งพาสหรัฐสูงที่สุดในอาเซียน ซึ่งครองสัดส่วน 38% ของมูลค่าการส่งออกของกัมพูชา หรือคิดเป็น 21% ของจีดีพี

ตามการประมาณการของรัฐบาลไทยระบุว่า ประเทศไทยมีแรงงานข้ามชาติมากกว่า 5 แสนคน แต่ธนาคารเมย์แบงก์ระบุว่า หากรวมแรงงานข้ามชาติที่ไม่มีเอกสาร จะทำให้ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นสู่ระดับเกือบ 1.2 ล้านคน

ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของไทย ระบุว่า ไทยส่งออกไปยังกัมพูชามีมูลค่ารวม 5.1 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งรวมถึงสินค้าเครื่องประดับ น้ำมัน และน้ำตาล และไทยนำเข้าสินค้าจากกัมพูชา 732 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นผักและผลไม้

อ้างอิง: CNBC, Bloomberg

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

GULF ระดมทีม ‘กัลฟ์อาสา’ ร่วมแพ็คถุงยังชีพ ส่งต่อกำลังใจพี่น้องประชาชนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

57 นาทีที่แล้ว

ฝนถล่ม! ทหารไทย-กัมพูชา พักรบชั่วคราว กระสุน BM-21 รวม 28 นัด ตก จ.บุรีรัมย์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘การบินไทย’ ปรับเที่ยวบินกรุงเทพฯ–พนมเปญ เหลือ 1 ไฟล์ตต่อวัน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

GULF ระดมทีม ‘กัลฟ์อาสา’ ร่วมแพ็คถุงยังชีพ 1,000 ชุด ส่งต่อชายแดนไทย – กัมพูชา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

เฉลยแล้ว!! ทำไม "รถยนต์ไฟฟ้า" ถึงทำให้เวียนหัว–คลื่นไส้ ไม่เกี่ยวคลื่นแม่เหล็กแบบที่คิด

sanook.com

สยอง! สาวโพสต์ภาพหาดท่องเที่ยวชื่อดังมีแต่ขยะทางการแพทย์

เดลินิวส์

สหรัฐจ่อปรับนโยบายวีซ่า ‘แรงงานทักษะสูง’ เล็งเพิ่มความยาก ‘สอบสัญชาติ’

เดลินิวส์

ไม่ใช่รวยหรือเก่ง! พ่อ 4 แบบที่สร้าง "ปาฏิหาริย์" พลิกอนาคตลูกได้จริง วิจัยระดับโลกพิสูจน์แล้ว

sanook.com

‘งูเส้นด้ายบาร์เบโดส’ อวดโฉมอีกครั้งในรอบเกือบ 20 ปี หลังเชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว

เดลินิวส์

กัมพูชาแถลงต่อ UNSC ประเด็นไหน "ขัดแย้ง" กับความจริงของไทย

Amarin TV

เขมรลั่น! พระวิหารเสียหายเพราะไทย จี้ UNWTO รีบประณามให้ที

สยามนิวส์

‘Khmer News’ สร้างเฟคนิวส์!! ใส่ความ ให้ร้ายประเทศไทย อ้าง!! สำนักสงฆ์ ที่อยู่ติดกับตีนเขาดงเร็ก ถูกปืนใหญ่ยิง

THE STATES TIMES

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...